9 ขั้นตอนที่ควรทำ เมื่อสัมภาระสูญหาย
อย่ามัวนั่งเศร้าเมื่อรู้ว่าสัมภาระของคุณสูญหายหรือล่าช้า เรามีวิธีที่ทำให้คุณได้กระเป๋าคืนและได้รับเงินคืนสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะสายการบินและกรมธรรม์ประกันภัยใดๆ ที่คุณมีอาจคืนเงินให้คุณสำหรับค่าใช้จ่ายรายวันและค่าชดเชยสำหรับของที่สูญหาย แต่การดำเนินการให้เร็วที่สุดคือสิ่งที่ต้องทำ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ติดต่อสายการบิน
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือติดต่อสายการบิน อย่าออกจากสนามบินจนกว่าคุณจะได้พูดคุยกับตัวแทนสายการบิน การคุยกับเจ้าหน้าที่รับกระเป๋าหรือเคาน์เตอร์เช็คอินเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุดของคุณ โทรติดต่อสายการบินหากคุณไม่พบตัวแทนสายการบิน และกรอกแบบฟอร์มของสายการบินเพื่อยื่นคำร้องของคุณในขณะที่คุณอยู่ที่สนามบิน
สายการบินควรแจ้งหมายเลขโทรฟรีที่คุณสามารถโทรติดต่อเพื่อรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเคลมสัมภาระที่สูญหายได้ คุณควรอ้างอิงจากข้อมูลของสายการบินที่มีลายลักษณ์อักษร เพราะนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เครียดจนอาจจำทุกอย่างที่ตัวแทนสายการบินบอกคุณไม่ได้
2. ข้อมูลการจัดส่งถึงบ้านหรือที่พักของคุณ
อย่าลืมทิ้งข้อมูลติดต่อของคุณไว้ เพื่อให้สายการบินสามารถติดต่อคุณได้พร้อมข้อมูลอัปเดต สายการบินส่วนใหญ่จะจัดส่งกระเป๋าเดินทางของคุณไปยังบ้านหรือโรงแรมของคุณเมื่อสัมภาระมาถึง
หากตัวแทนไม่ได้แนะนำเรื่องการจัดส่งนี้ คุณควรถามให้แน่ใจก่อนออกจากสนามบิน คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปรับกระเป๋าเองที่สนามบินอีกรอบ วิธีนี้จะมีประโยชน์มากๆ หากคุณเดินทางเพื่อทำธุรกิจ
3. ขอคืนเงินค่าธรรมเนียมสัมภาระเช็คอิน
สายการบินบางแห่งจะคืนเงินค่าธรรมเนียมสัมภาระเช็คอินของคุณเมื่อสัมภาระของคุณล่าช้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังจากยื่นคำร้อง นั่นคือเหตุผลที่เวลามีความสำคัญ หากคุณแจ้งสายการบินรวดเร็วมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับเงินคืนรวดเร็วขึ้นเท่านั้น
สายการบินอาจขอให้คุณส่งคำขอนี้เมื่อคุณอ้างสิทธิ์ในการซื้อของใช้จำเป็น เพราะจำเป็นต้องซื้อใหม่เนื่องจากสัมภาระสูญหายหรือล่าช้า เช่น เสื้อผ้าและเครื่องใช้ในห้องน้ำ
4. ยื่นคำร้องต่อสายการบินหลัง 24 ชม.
สายการบินส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยหลังจากที่กระเป๋าของคุณสูญหายเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง คุณต้องยื่นแบบฟอร์มการรับสัมภาระของสายการบิน แบบฟอร์มนี้จะถามถึงมูลค่าของของที่สูญหายและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ปัจจุบันสายการบินชดเชยสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อผู้โดยสารที่ออกบัตรโดยสารสำหรับสัมภาระสูญหาย เสียหาย และล่าช้าสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ คุณจะต้องแสดงรายการของที่อยู่ในกระเป๋าและมูลค่าเงินโดยประมาณ สายการบินจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อพิจารณาการชดเชยของคุณสำหรับสินค้าที่สูญหายและเสียหาย
ไม่ว่าคุณจะมีกระเป๋าเดินทางสำหรับธุรกิจหรือของใช้ส่วนตัว ควรมีรูปถ่ายกระเป๋าเดินทางของคุณ ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถแสดงรูปภาพเพื่อช่วยยืนยันสิทธิ์ของคุณ
5. เก็บใบเสร็จรับเงินค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
สายการบินส่วนใหญ่จะคืนเงินให้คุณสูงถึง $50 ต่อวันเป็นเวลาห้าวัน สำหรับค่าใช้จ่ายจิปาถะตามสมควรจากสัมภาระที่สูญหายหรือล่าช้า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจรวมถึงเสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ และสายชาร์ตโทรศัพท์มือถือ
ตามหลักการทั่วไป ให้ซื้อสินค้าที่ปกติคุณซื้อเพื่อทดแทนของที่หายไป การทำเช่นนี้ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่การเรียกร้องค่าชดเชยของคุณได้รับการอนุมัติ คุณจะต้องเก็บใบเสร็จรับเงินของการซื้อทุกครั้งเพื่อรับค่าชดเชย
6. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากบัตรเครดิตของคุณ
บัตรเครดิตที่คุณใช้จองเที่ยวบินอาจมีสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสัมภาระที่สูญหายหรือล่าช้า ซึ่งอาจมีการชดใช้ค่าใช้จ่าย ที่สายการบินหรือประกันการเดินทางไม่ได้ครอบคลุม
หากสัมภาระของคุณสูญหาย คุณจะต้องแสดงเอกสารหลักฐานการสูญหายจากสายการบิน พร้อมทั้งเตรียมส่งใบเสร็จรับเงินสำหรับสินค้าที่สูญหายหรือเสียหายเพื่อรับค่าชดเชย
7. เช็กความครอบคลุมของประกันการเดินทาง
หากบัตรเครดิตของคุณไม่มีประกันสัมภาระ คุณอาจยังคงโชคดีหากคุณมีกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางแบบแยกส่วน ที่อาจครอบคลุมถึงกระเป๋าเดินทางที่สูญหายหรือล่าช้า
อย่างไรก็ตาม คุณต้องพิจารณาค่าตอบแทนที่สายการบินเสนอให้เป็นอันดับแรกก่อน จึงดูกรมธรรม์ต่างๆ เป็นอันดับถัดไป ซึ่งปัจจุบันสามารถซื้อออนไลน์ก่อนเดินทางได้ที่ TraveliGo
8. ตรวจสอบความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง
หากสายการบินพบกระเป๋าของคุณแล้ว คุณควรตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดในทันที เพราะสายการบินอาจจะเสนอการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนกระเป๋าเดินทางของคุณ โดยคุณอาจต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับสัมภาระ
คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มอื่นสำหรับกระบวนการซ่อมแซม สายการบินอาจต้องการหลักฐานการซื้อต้นฉบับของใบเสร็จรับเงินสำหรับกระเป๋าเดินทางและสิ่งของที่เสียหาย หากคุณซื้อสินค้าทางออนไลน์ คุณสามารถพิมพ์สำเนาใบเสร็จรับเงินเพื่อยื่นคำร้องได้อย่างง่ายดาย
อย่าลืมถ่ายรูปสิ่งของที่เสียหายก่อนส่งซ่อมไว้ด้วย เพราะสายการบินอาจขอรูปถ่ายเพื่อยื่นคำร้องด้วย
9. ตามหาของหาย
นอกจากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางเพื่อเช็กความเสียหายและความสกปรกแล้ว ให้ดูว่ามีรายการไหนหายไปด้วยหรือไม่ คุณอาจต้องติดต่อสนามบินเพื่อดูว่ามีของไม่ครบ คุณอาจได้รับค่าชดเชยจากสายการบินหรือกรมธรรม์อื่นๆ สำหรับรายการเหล่านี้
หากคุณไม่อยากเสี่ยงรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ควรหาประกันสัมภาระดีๆ ไว้ป้องกัน ไม่ให้ทริปหมดสนุก ด้วยการเลือกซื้อบริการติดตามสัมภาระที่ไว้วางใจได้ ซื้อง่ายๆ ได้ในขั้นตอนการตั๋วเครื่องบินเพียงคลิกเดียว จองเลย