การขับรถในญี่ปุ่น

TraveliGo


แม้ว่าญี่ปุ่นและไทยมีการขับรถเลนซ้ายเหมือนกัน แต่ใช่ว่ามารยาทและกฎการจราจรจะเหมือนกันไปซะหมด เราจึงควรมาทำความเข้าใจให้ตรงกันซะก่อนว่าบ้านเขานั้นมีมารยาทบนท้องถนนอย่างไร อะไรควรไม่ควร และกฎหมายบ้านเขานั้นหนักหนากว่าบ้านเราเยอะ เรียกได้ว่าค่าปรับโหดจนทำให้ทริปหมดสนุกได้แน่นอน! ถ้าไม่อยากโดนก็ขอแนะนำให้ทุกท่านรีบอ่านต่อได้เลยจ้า

 


1. ที่ญี่ปุ่นสามารถใช้ใบขับขี่สากลได้

ถ้าเพื่อนๆไปเที่ยวแค่ชั่วคราว หรือไปอยู่ญี่ปุ่นไม่เกิน 1 ปี สามารถใช้ใบขับขี่สากลที่ออกโดยกรมการขนส่งบ้านเราได้ สบายๆไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยู่เกิน 1 ปีขึ้นไปต้องไปสอบใหม่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น โดยต้องเอาใบเก่าจากไทยไปยื่นด้วย

2. จ่ายค่าทางด่วยด้วยบัตร ETC ประหยัดกว่า!

อาจทราบกันมาพอสมควรว่าค่าทางด่วนที่ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างจะแพงโข แต่ทางด่วนก็เป็นตัวเลือกที่ดีของการเดินทางท่องเที่ยวในเวลาที่จำกัด ปัจจุบันก็มีบริษัทรถเช่าที่ให้บริการพร้อมกับบัตร ETC ที่ติดมากับตัวรถ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าเดินทางไกลของเพื่อนๆได้มากขึ้นเยอะเลย

3. มี Navigator ไว้ อุ่นใจค่ะ

เส้นทางของญี่ปุ่นเขตในตัวเมืองทุกคนทราบอยู่แล้วว่ามันซับซ้อนไม่ต่างจากกรุงเทพบ้านเราเลย เลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยนทันที อย่าลืมศึกษาเส้นทางล่วงหน้าเพื่อป้องกันอันตรายในการเปลี่ยนเลนกระทันหัน เกิดงงกลางทางจะทำให้ชนกันได้ง่ายๆเลย เพราะบนทางด่วนเขาจะใช้ความเร็วสูงกันมากๆ มือใหม่ไม่คุ้นทางควรเลือกรถที่มี Navigator GPS แม่นๆแบบภาษาอังกฤษติดมาด้วยดีกว่า

4. เลี้ยวซ้ายต้องรอสัญญาณไฟด้วยนะ

เราอาจคุ้นชินกับการเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด แต่ที่ญี่ปุ่นต้องรอสัญญาณไฟเขียวของทางตรงเท่านั้นจึงสามารถเลี้ยวได้ หากไม่รอต้องมีอันต้องถูกจับปรับเสียเวลาและหมดสนุกกันพอดี เพราะงั้นเพื่อนๆต้องจำให้ดีเลยว่าหากต้องการจะเลี้ยวซ้ายแบบปลอดภัยไร้อุบัติเหตุนั้น ต้องหันมองคนข้ามถนนและคนปั่นจักรยานเพื่อข้ามถนนด้วยหรือไม่ และต้องให้ทางกับคนที่มาก่อนเสมอด้วยจ้า

5. การเปิดไฟกระพริบหรือบีบแตรสั้นๆ = คำขอบคุณ

บ้านเราอาจกระพริบไฟหรือบีบแตรใส่กันเพื่อบอกว่า “หลบทางให้ฉันไปก่อน” แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้นทำเพื่อจะบอกว่า “ขอบคุณนะที่ให้ทาง” ไม่ว่าจะเป็นการให้แทรกเลน หรือให้แซงในทางแคบ ซึ่งเขาก็ทำจนกลายเป็นมารยาทที่มองมุมนี้ก็ดูน่ารัก แต่ถ้าไม่ทำก็อาจดูผิดปกติแปลกๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสไปขับรถที่ญี่ปุ่นก็ลองทำดูแล้วมันอาจจะทำให้ยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ
 
6. เมาไม่ขับ!

หากดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ในบ้านเราอาจโดนจับปรับเพียงแค่คนขับ แต่บ้านเขาโดนกันทั้งวงรวมไปจนถึงผู้จำหน่ายให้ก็จะถูกดำเนินคดีกันถ้วนหน้า เพราะเข้าข่ายรู้เห็นเป็นใจให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น และทางร้านค้าเองก็มีวิธีป้องกันตัวด้วยการให้ลูกค้ากดปุ่มยอมรับว่าไม่ได้ขับรถขณะดื่มก่อนที่จะจ่ายเงิน ด้วยเหตุนี้ญี่ปุ่นจึงมีการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม Non-alcohol แต่มีรสเบียร์นั่นเอง

7. หัดเติมน้ำมันด้วยตัวเอง

โดยเฉพาะก่อนที่จะขึ้นทางด่วนต้องเตรียมพร้อม เติมน้ำมันเอาไว้ให้เต็มถัง และด้วยความที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยจะมีเด็กปั๊มให้เห็น ก็หัดเติมเองได้เลย บอกเลยไม่ยาก สามารถหาคลิปทำตามได้ง่ายดายมว๊ากกกกก แต่สิ่งที่ต้องดูให้ดีคือป้ายบอกชนิดน้ำมัน ซึ่งคนละสีกับบ้านเรา จำให้ดีว่ารถที่เราใช้ต้องเติมน้ำมันแบบไหนสีอะไรราคาเท่าไหร่ โดยสีแดงจะเป็นน้ำมันแบบ Regular, สีเหลืองเป็นแบบ High Octane ส่วนสีเขียวเป็นน้ำมันแบบ Diesel ค่ะ

8. หยุดทุกครั้งเมื่อเจอทางรถไฟ

ก่อนที่จะข้ามทางรถไฟ จะต้องหยุดเพื่อเช็คความปลอดภัยทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีไม้กั้นและมีสัญญาณไฟเขียวก็ตาม โดยสิ่งที่จะต้องทำไม่ใช่แค่การมองซ้ายมองขวา แต่ต้องเปิดกระจกเพื่อฟังเสียงรถไฟด้วยทุกครั้ง ตามกฏหมาย!
 
9. 止まれ (Tomare) ป้ายหยุด! อย่าขยับ

ป้ายสามเหลี่ยมสีแดงที่ถึงไม่มีคำว่า STOP ก็น่าจะพอเดาออกว่าเป็นป้ายหยุด แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีคำว่า STOP บนป้ายเพื่อขยายความให้นักท่องเที่ยวเข้าใจง่ายขึ้นแล้วนะ เมื่อเจอป้ายปุ๊บก็ต้องหยุดจริงๆ เพื่อสำรวจความปลอดภัยบนทางแยกให้ดี ถึงแม้จะไม่มีรถหรือถนนว่างแค่ไหนก็ต้องหยุดทุกกรณี หากฝ่าฝืนก็นั่นแหละค่ะ โดนปรับบาน และหากไปชนกับคนอื่นเข้าก็จะถูกจับเป็นเรื่องใหญ่กันไปเลย เรื่องแบบนี้โทษดวงไม่ได้นะ ความประมาทล้วนล้วน

10. ที่จอดรถที่นี่มีหลายแบบนะ

หลายคนอาจเคยเห็นที่จอดรถแบบหยอดเหรียญกันแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดกลางแจ้ง ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ตัว P ที่คุ้นตากัน นอกจากนี้ก็มีที่จอดรถอัตโนมัติระบบไฮโดรลิก แบบลิฟท์ซึ่งอยู่ตามตึกเขตเมืองใหญ่ย่านโตเกียวเนื่องจากมีพื้นที่อย่างจัดมากๆ โดยจะถูกคิดค่าบริการตามระยะเวลาใช้งาน หากเป็นย่านโตเกียวก็จะคิดกันเป็นหน่วยนาทีกันเลย และสำหรับเพื่อนๆที่จำต้องขับรถไปจอดที่ที่พักก็ต้องเช็คให้ดีว่ามีการบริการที่จอดรถรองรับหรือไม่ ฟรีไหม หรือคิดเงินอย่างไร
 
11. อย่าจอดขวางซอยหรือขวางทางม้าลายเด็ดขาด

ทุกครั้งที่กำลังจะหยุดรถต้องสังเกตทางม้าลายให้ดี ต้องเว้นระยะจากรถคันหน้าและมีระยะห่างจากทางม้าลายด้วย รวมถึงการเว้นระยะสำหรับทางเข้า-ออกซอยด้วย หากมีที่ว่างไม่เพียงพอที่จะหลบท้ายรถจากทางเข้า-ออกซอยหรือนั้น เราก็ไม่ควรเลื่อนรถไปต่อ เพราะรถของเราจะเป็นตัวการทำให้การจราจรติดขัดยาวเหยียดได้เลย นอกจากทางม้าลายและทางแยกแล้วก็ยังมีทางเข้า-ออกของสถานีดับเพลิง โรงพยาบาล และสถานที่สำคัญๆต่างๆที่จะถูกเว้นพื้นที่ไว้

12. ห้ามขับเข้าซอยในช่วงเวลาที่กำหนด

ช่วงเวลาก่อนเริ่มงานจะมีทั้งคนวัยทำงานและเด็กๆเดินหรือปั่นจักรยานกันขวักไขว่ไปหมด จึงมีการกำหนดช่วงเวลา 7.30 – 8.30 น. ของวันธรรมดานี้ ไม่ให้ขับรถเข้าไปในซอยหรือขับผ่านแยกต่างๆ นั่นก็เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งนั่นเอง

13. เส้นทึบสีเหลืองบนทางแยก

จงสังเกตเส้นทึบสีเหลืองบนทางแยกไว้ให้ดี เมื่อเห็นแล้วอย่าแม้แต่จะคิดข้ามเลน เพราะจะโดนตำรวจสุดโหดแอบซุ่มเรียกจับทันทีเมื่อเรารถเหยียบเจ้าเส้นนี้เมื่อไหร่ เขตต่างจังหวัดอาจไม่เท่าไหร่และเขตเมืองเช่นโตเกียวตำรวจจะซุ่มหนักมาก อย่างไรเพื่อนปฏิบัติตามกฏไว้ก่อนด้วยความไม่ประมาทจะดีกว่า เพื่อทริปที่ราบรื่นและปลอดภัยนั่นเอง

14. จุดพักรถบนทางด่วน (PA/SA)

เหนื่อยจากการเดินทางเมื่อไหร่แวะพักให้หายล้ากันก่อนที่ PA(Parking Area) และ SA(Service Area) ที่จะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม ห้องน้ำ บางที่อาจมีร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงที่นอนและร้านนวดกันคลายปวดเมื่อยเลยทีเดียว โดยที่ SA จะมีบริการที่ครบครันที่สุด แบบที่ไม่หายเหนื่อยก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะ

15. Application เตือนจุดจับความเร็ว

ภาพจาก playstore
เพื่อป้องกันการโดนปรับ เอ้ย! การเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนๆควรโหลดแอป Obis ติดเครื่องเอาไว้เตือนใจตอนเผลอเหยียบคันเร่งเกินอัตราและไม่ทันสังเกตป้าย โดนถ่ายภาพไว้ค่าปรับไม่ได้รวมอยู่ในประกันนะคะ ถูกปรับบานแน่ๆเพราะอย่างที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่ากฏหมายบ้านเขาเมืองเขาแรงจริง ปรับทีอ่วมเลยจ้า แอปนี่จะช่วยชีวิตก่อนจะถึงจุดเซนเซอร์ประมาณ 500 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร โดยสามารถโหลดได้เมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วเท่านั้น และจะตั้งค่ายากนิดๆ เพราะแอปเป็นภาษาญี่ปุ่น
 
16. สติกเกอร์ติดรถนี้มีความหมาย .. 
ณ ที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสติกเกอร์คำคมแบบสิบล้อนะคะ ภาพประกอบด้านล่างจาก realestate-tokyo.com

- Shoshinsha mark 🔰 “มือใหม่หัดขับ” สัญลักษณ์ลูกศรสีเขียว-เหลือง
- Kōreisha mark “ผู้สูงอายุ”(70-75 ปี) สัญลักษณ์หยดน้ำสีส้ม-เหลือง และกลีบดอกไม้ 4 สี
- ผู้บกพร่องทางการได้ยิน จะติดสัญลักษณ์คล้ายผีเสื้อ สีเขียว-เหลือง
- ผู้พิการ จะมีสัญลักษณ์เป็นใบโคลเวอร์ 4 แฉก
- ส่วนสัญลักษณ์ตัวอักษรญี่ปุ่นสีดำบนพื้นขาว และอาจมีแถบสีเหลืองด้านบน จะถูกติดตามรถที่ใช้เพื่อการฝึกขับ ซึ่งจะมีโอกาสเบรกกะทันหันได้ด้วย
สติกเกอร์เหล่านี้เป็นจุดสังเกตให้ผู้ขับรถร่วมถนนคันอื่นๆได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น และเพิ่มความเข้าใจเมื่อพบเห็นว่าขับช้ากว่าปกตินั่นเอง

17. ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

ถูกตั้งเป็นกฏหมายอย่างเป็นทางการเมื่อนานมาแล้ว สำหรับการใช้โทรศัพท์เวลาอยู่บนรถแม้ติดไฟแดงก็ใช้ไม่ได้! ที่เขาต้องเด็ดขาดขนาดนั้นก็เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของทุกท่านนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนขับคนขี่หรือแม้แต่คนที่เดินก็ตาม

สัญลักษณ์การจราจรเพิ่มเติมจาก kyushujourneys.com

จากข้อมูลทั้งหมดก็ได้ทำให้เราเห็นกันแล้วว่าบ้านเมืองเขานั้นเข้มงวดกับกฏระเบียบบนท้องถนนมากแค่ไหน และหากเราไปทำเปรี้ยวฝ่าฝืนกฏแถวบ้านเขาขึ้นมาจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นไหวหรือไม่นั้น อันนี้ก็คงพอจะนึกภาพกันออกแล้วใช่ไหมคะ TraveliGo ขอสนับสนุนการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่ต้องเสียทรัพย์โดยใช่เหตุ สิ่งดีๆที่บ้านเราไม่มีและสามารถเอามาประยุกต์ใช้กันได้ ก็เอามาใช้กันให้อุบัติเหตุน้อยลงแต่บ้านเมืองน่าอยู่มากขึ้นนะคะ

เช่ารถเที่ยวญี่ปุ่น คลิก!
ซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ คลิก!