9 ประเทศ AEC ขับรถเที่ยวไม่ต้องใช้ใบขับขี่สากลพร้อมเรื่องควรรู้

Pawana Tiensiri

       การขับรถเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกและเหมาะมากกับการท่องเที่ยวในช่วงการระบาดของโควิด-19 การขับรถเที่ยวเองมีข้อดีหลายข้อ เช่น วางแผนเที่ยวได้ตามใจคุณ, เที่ยวแบบส่วนตัวเฉพาะครอบครัว เพื่อนฝูง ลดการพบปะหรือสัมผัสกับผู้อื่นช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ได้ด้วย การขับรถเที่ยวในต่างประเทศ มักเข้าใจว่า จะต้องใช้ใบขับขี่สากล แต่ถ้าหากคุณต้องการขับรถเที่ยว 9 ประเทศในกลุ่ม AEC หรือ Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติใน Asean 10 ประเทศ สามารถขับรถเที่ยวแบบไม่ต้องใช้ใบขับขี่สากล ใช้แค่ใบขับขี่ของประเทศไทยแทนได้ 

       ในกลุ่มประเทศ AEC มีการทำอนุสัญญาข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับใบขับขี่ภายในซึ่งกันและกันทั้งหมด 10 ประเทศ ประกอบด้วย เมียนมาร์, ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน และประเทศไทย ตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้ อนุญาตให้ใช้ใบขับขี่แบบใหม่ของประเทศไทย หรือที่เรียกว่า “ใบอนุญาตขับรถ Smart Card” ที่มีแถบแม่เหล็กและเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่รองรับการจัดเก็บข้อมูลการขับขี่ รองรับการติดตามด้วย GPS Tracking มีความทันสมัยและน่าเชื่อถือ ทำให้ “ใบอนุญาตขับรถ Smart Card” แบบใหม่นี้เป็นที่ยอมรับกันในกลุ่มประเทศ AEC และสามารถใช้แทนใบขับขี่สากลได้ แต่บางประเทศอาจจะต้องมีการใช้เอกสารอื่น ๆ ประกอบเพิ่มเติม มาลองดูทีละประเทศกัน


1. เมียนมาร์

       เริ่มกันที่ประเทศแรก “เมียนมาร์” หรือ พม่า ประเทศเพื่อนบ้านติดกับประเทศไทย ที่คนไทยและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกเกือบทุกวัน ประเทศที่มีวัดวาอารามสวยงาม มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยมาช้านาน การได้ขับรถชมวิว เที่ยวไปตามสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ คงเป็นเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย 

       การขับรถเที่ยวในเมียนมาร์สามารถใช้ใบขับขี่ไทยได้ แต่ต้องมีเอกสารที่สำคัญอื่น ๆ ประกอบ เช่น พาสปอร์ตรถเล่มสีม่วง, หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ, สติกเกอร์ตัว T ฟังแล้วไม่ต้องงง เพราะขอสติกเกอร์นี้ได้จากกรมการขนส่งของไทย 

       การขับรถในเมียนมาร์ กำหนดให้ขับรถชิดเลนขวาและขับรถพวงมาลัยซ้าย แต่ความเป็นจริงรถที่ใช้กันทั่วไปส่วนมากเป็นรถพวงมาลับขวา ก็ดูจะงงกันหน่อย ถ้าจะเที่ยวให้สะดวกสบายแนะนำให้เช่ารถพร้อมคนขับเที่ยวในเมียนมาร์จะสะดวกกว่า


2.ลาว

       มาต่อกันที่ประเทศบ้านพี่เมืองน้องของไทยอย่างประเทศลาว ที่วิถีชีวิตส่วนใหญ่สโลไลฟ์ การขับรถเที่ยวก็ไม่ยากลำบากอะไรมาก นักท่องเที่ยวไทยมีการนำรถข้ามไปขับเที่ยวในประเทศลาวเหมือนกัน แต่ก็จะเสียเวลาในการนำรถข้ามด่านตามขั้นตอนบ้าง เอกสารที่จะต้องพวกติดตัวควบคู่กับใบขับขี่ไทย คือ พาสปอร์ต 

       การขับรถเที่ยวในประเทศลาว รถยนต์จะเป็นแบบพวงมาลัยซ้ายและกำหนดให้ขับรถชิดเลนขวา ไม่เหมือนบ้านเราต้องระมัดระวังปรับเปลี่ยนการขับให้ถูกต้อง การขับรถบนทางหลวงจะถูกจำกัดความเร็วให้ขับได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. ห้ามใช้รถยนต์ที่มีการติดตั้งไฟสปอร์ตไลท์ ถ้าตรวจพบจะถูกถอดออกทันที ถ้ารถยนต์ส่วนตัวของคุณเป็นแบบนี้ไม่แนะนำให้นำข้ามประเทศไปขับเที่ยวที่ลาว เลือกวิธีเช่ารถขับเที่ยวจะดีกว่า


3. กัมพูชา

       กัมพูชา เป็นประเทศที่ใช้รถใช้ถนนเป็นหลักในการคมนาคม การจะขับรถเที่ยวในกัมพูชา นอกจากจะพวกพา “ใบอนุญาตขับรถ Smart Card” คุณควรพกพาเอกสารประกอบไปด้วย ดังนี้ เล่มทะเบียนรถยนต์ตัวจริง, พาสปอร์ต และบัตรประชาชนตัวจริงของคนขับ เพื่อใช้ประกอบเวลาเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสาร หากเลือกวิธีเช่ารถขับเที่ยวเองก็ควรตรวจสอบว่า มีเล่มทะเบียนรถอยู่ในรถหรือไม่ ถ้ากังวลใจก็เลือกใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับพาเที่ยวจะสะดวกและปลอดภัยกว่า

       การขับรถเที่ยวในประเทศกัมพูชา รถยนต์จะเป็นแบบพวงมาลัยซ้ายและกำหนดให้ขับรถชิดเลนขวา แต่ถ้าคุณขับเองแล้วขับช้า ควรขับอยู่เลนกลาง สำหรับสายขับเร็วอาจจะหงุดหงิดหน่อย เพราะการขับรถในเมืองของประเทศกัมพูชา จะถูกจำกัดความเร็วให้ขับได้ไม่เกิน 40 กม./ชม. แต่หากเป็นการขับรถนอกเมืองสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. 


4. มาเลเซีย

       ประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ของประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยมีความคุ้นเคยและวิถีชีวิตที่คล้ายเคียงกับชาวใต้ของไทย ทำให้คนไทยนิยมนำรถข้ามไปขับเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ดี ก็เพื่อความมั่นใจ คุณควรเตรียมเอกสารประกอบไปให้พร้อมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากการเตรียมใบขับขี่รถแบบ Smart Card คุณควรเตรียมป้ายทะเบียนรถสีดำที่เป็นภาษาอังกฤษ และขอใบอนุญาตนำรถเข้าประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้อง 

       ส่วนการขับรถเที่ยวในประเทศมาเลเซีย ต้องระวังรถมอเตอร์ไซต์ที่นิยมใช้เป็นจำนวนมาก และรถยนต์ที่ขับกันในประเทศมาเลเซียส่วนใหญ่จะขับด้วยความเร็ว ต้องระวังให้มากเช่นกัน การขับรถบนทางหลวงต้องเข้าใจกฎกติกา เช่น รถที่ขับเร็วจะขับในเลนขวา รถที่ขับช้าจะขับในเลนซ้าย ส่วนรถบรรทุกต่างๆ จะใช้เลนกลางเป็นหลัก ข้อควรระวังมาก ๆ อีกอย่าง จะต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งที่จะทำการเลี้ยวรถ เพื่อลดอุบัติเหตุที่จะเกิดได้ง่าย ถึงแม้จะเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่เหมือนจะขับรถเที่ยวเองได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจแนะนำให้ลองเลือกใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับเที่ยวน่าจะสะดวกกว่าการนำรถไปขับเที่ยวเอง  


5. สิงคโปร์

       สิงคโปร์ ประเทศที่ค่าครองชีพสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก สิงคโปร์ ประเทศที่เป็นเกาะเล็ก ๆ แต่มีเสน่ห์ดึงดูนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ไปเยือนไม่ขาดสาย  ประเทศที่มีการคมนาคมแสนสะดวกสบาย ไม่ว่า จะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า, รถเมล์สาธารณะ, รถแท็กซี่ แต่หากคุณต้องการความอิสระในการเดินทาง การขับรถเที่ยวเองในประเทศสิงคโปร์ก็สะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัว สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขับผ่านด่านประเทศมาเลเซียแล้วขับต่อเข้าไปในประเทศสิงคโปร์ได้

       การขับรถเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ เนื่องด้วยการที่เป็นเกาะเล็ก ๆ เวลาที่คุณขับรถเที่ยวอาจจะต้องผ่านเขตชุมชนบ่อย ๆ ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่จึงทำได้ไม่มาก หากขับผ่านเขตชุมชนจะถูกจัดกัดความเร็วให้ขับได้ไม่เกิน 50 กม./ชม. หากขับรถบนทางด่วนจะใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ในช่วงเวลา 19:00น. - 7:00น. ต้องเปิดไฟหน้ารถขณะขับขี่ด้วย อีกข้อที่ห้ามทำถ้าไม่อยากทำผิดกฎหมายที่สิงคโปร์ คือ ห้ามเปิดไฟเลี้ยวขณะติดไฟแดง จะเปิดได้ตอนไฟเขียวเท่านั้น ถ้าอยากประสบการณ์ใหม่ ๆ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยการขับรถเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อาจจะสร้างความสุขให้คุณมากขึ้นได้


6. เวียดนาม

       หากคุณกำลังวางแผนจะไปขับรถเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม ต้องอ่านตรงนี้ให้มาก ๆ ในบรรดาประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม AEC เวียดนาม ถือว่าเป็นประเทศที่เคร่งครัดเรื่องกฎหมายจราจรมากที่สุด ดังนั้นหากคุณต้องการไปขับรถเที่ยวที่เวียดนาม ก็จะต้องระมัดระวังห้ามทำผิดกฎหมายมากที่สุดนั่นเองการนำรถไปขับเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม ถึงแม้จะใช้ใบขับขี่ Smart card ได้โดยไม่ต้องทำใบขับขี่สากล แต่ก็ควรเตรียมความพร้อมและเตรียมเอกสารอื่น ๆ ไปด้วย เช่น หากนำรถยนต์ของคุณไปขับเที่ยวเอง ควรจะมีหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถโดยออกให้จากประเทศไทย, พาสปอร์ตผู้ขับขี่ และควรมีใบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์คันที่ใช้ในการขับเที่ยวที่ประเทศเวียดนามด้วย

       การขับรถเที่ยวในประเทศเวียดนาม ในย่านชุมชนจะถูกจำกัดความเร็วให้ขับได้ไม่เกิน 60 กม./ชม. ในเขตนอกเมืองที่ไม่ใช่ย่านชุมชน สามารถใช้ความเร็วได้ 90 กม./ชม. สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้ยินบ่อยๆ แล้วอาจจะทำให้อารมณ์เสีย คือ การบีบแตร อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า คุณกำลังโดนตำหนิ แต่การบีบแตรที่ประเทศเวียดนาม คือ การบอกตำแหน่งของรถคุณให้ผู้อื่นทราบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ที่เวียดนามมีการใช้จักรยานยนต์เป็นจำนวนมากต้องระมัดระวังในการขับขี่ และมีการใช้กล้องในการตรวจจับความเร็วรถของเวียดนาม และมีค่าปรับที่สูงถึงหลักหมื่นบาทด้วย การขับรถเที่ยวเองในเวียดนามอาจจะต้องใช้สมาธิและสติมาก ๆ ถ้าไม่อยากเครียดระหว่างการขับรถเที่ยวในประเทศเวียดนาม จะเลือกใช้บริการรถเช่ารถพร้อมคนขับก็น่าจะเหมาะกว่า 


7. อินโดนีเซีย

       อินโดนีเซีย ประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งพื้นที่ราบและเนินเขาสูง การขับรถอาจจะไม่ยากเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทย สามารถใช้ ใบขับขี่ Smart Card พร้อมกับพาสปอร์ตในการขับขี่แทนใบขับขี่สากลเพียง 2 อย่างนี้ก็ขับขี่รถท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซียได้ 

       การใช้รถยนต์ขับท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซียก็ไม่ยาก เพราะรถยนต์จะเป็นพวงมาลัยซ้ายและให้ขับชี่ในช่องจราจรทางซ้ายเหมือนกับประเทศไทย นักท่องเที่ยวไทยไม่ต้องปรับตัวมากหากจะไปขับรถเที่ยวที่อินโดนีเซีย แต่ด้วยความที่ประชาชนจำนวนมากและนักท่องเที่ยวเน้นการใช้รถยนต์เป็นหลักในการเดินทาง ทำให้รถยนต์และการจราจรที่อินโดนีเซียค่อนข้างหนาแน่นในหลาย ๆ พื้นที่ การเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งยิ่งในแหล่งชุมชนอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย ควรวางแผนให้ดี 


8. ฟิลิปปินส์

       อีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรหนาแน่นหรือรถติดมากติดอันดับต้น ๆ ของโลก คือ ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวใช้บริการรถเช่าเพื่อขับเที่ยวในประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับนักท่องเที่ยวไทยอาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย เพราะรถยนต์ในฟิลิปปินส์พวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้ายและต้องขับเลนขวา ไม่เหมือนกับประเทศไทย

       อีกเรื่องที่ควรรู้และต้องระวังให้มากสำหรับการขับรถในประเทศฟิลิปปินส์ คือ การเลี้ยวขวาจะผ่านตลอด แต่การเลี้ยวซ้ายจะต้องรอสัญญาณไฟก่อน หากหลงลืมไม่ทันระวังอาจจะทำผิดกฎการจราจรและเกิดอุบัติเหตุได้ ทางเลือกที่ง่ายกว่าการเช่ารถขับเที่ยวเอง คือ การใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับพาเที่ยวไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฟิลิปปินส์ 


9. บรูไน

       บรูไน ประเทศที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ว่าร่ำรวยที่สุดในโลก ประเทศที่ร่ำรวยและเจริญในทุกด้าน แหล่งท่องเที่ยวก็น่าสนใจ การท่องเที่ยวด้วยการขับรถเที่ยวก็ไม่ยากเช่นกัน ถนนหนทางก็ดี เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์สะดวก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักท่องเที่ยวคนไทยสามารถใช้ ใบขับขี่ Smart Card พร้อมกับพาสปอร์ตขับรถเที่ยวได้

       ข้อแนะนำที่ควรรู้ไว้ คือ การขับรถในประเทศบรูไน จะให้ความสำคัญกับคนข้ามถนนตรงทางม้าลายมาก ๆ คุณจะต้องหยุดรถเพื่อให้คนข้ามทางม้าลายผ่านไปก่อนจึงจะขับรถต่อไป อีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน คือ เรื่องการบีบแตรส่งเสียงดัง เป็นการกระทำที่ไม่สุภาพ ไม่ควรทำถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัย และการกระพริบไฟหน้ารถ หมายถึงการให้ทางกับรถคันอื่น สิ่งเหล่านี้คือหลักที่ควรปฏิบัติเมื่อขับรถเที่ยวในประเทศบรูไน

       จะเห็นได้ว่า คนไทยสามารถใช้ใบขับขี่แบบ Smart Card แทนใบขับขี่สากล สำหรับการขับรถในประเทศกลุ่ม AEC ได้ ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินค่าธรรมเนียมการทำใบขับขี่สากล แต่การขับรถในบางประเทศก็มีกฎการจราจรและมารยาทที่ควรกระทำ ควรศึกษาให้ละเอียดก่อนไปขับรถเที่ยวในประเทศนั้นๆ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากเที่ยวส่วนตัวด้วยรถยนต์จะเลือกใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศได้ สะดวก ปลอดภัย ง่ายและไม่หลงทาง