วิธีการขอวีซ่าท่องเที่ยวต่างประเทศ

Atchamaporn R.

     อีกปัญหาหนักอกหนักใจของสายเที่ยว ที่อยากท่องเที่ยวในประเทศที่จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการเดินทาง ขั้นตอนเยอะแยะยุ่งยากจนน่าท้อ เพราะหลายคนต้องเคยได้ยินมาว่ากว่าวีซ่าจะผ่านนั้นยากเอาเรื่อง แต่อย่าเพิ่งรีบถอดใจจากคำบอกเล่าจนคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมหรือไม่กล้าที่จะขอวีซ่า เพราะเรื่องนี้ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นค่ะ

วีซ่าคืออะไร?

     วีซ่า หมายถึง เอกสารที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขณะเดินทางเข้าประเทศ ปกติแล้วจะมีการประทับตรวจลงตราวีซ่าไว้ในหนังสือเดินทาง อาจเป็นในรูปแบบแผ่นสติ๊กเกอร์ ตราประทับ หรืออาจอยู่ในรูปเอกสารอื่นใดที่ไม่ได้ประทับลงในหนังสือเดินทาง ซึ่งจะเป็นเอกสารที่แสดงว่าบุคคลหนึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าหรือเดินทางออกจากพื้นที่ของประเทศนั้นๆ

วีซ่ามีกี่ประเภท?

     ปัจจุบันมีวีซ่ามากกว่า 10 ประเภท โดยส่วนมากนักเดินทางจะใช้วีซ่าหลักๆคือ
วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa) เป็นวีซ่าที่มีจุดประสงค์ในการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือสันทนาการ โดยไม่มีกิจกรรมทางธุรกิจมาเกี่ยวข้องระหว่างการเดินทางนั้น ๆ
วีซ่าธุรกิจ (Business Visa) เป็นวีซ่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการค้าหรือติดต่อธุรกิจในประเทศผู้ออกวีซ่า หรือกิจกรรมอื่นใดอันเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ในบางประเทศจะมีการรวมเอาการจ้างงานอย่างถาวรไว้ในการอนุญาตนี้ด้วย
วีซ่าเดินทางผ่าน (Transit Visa) ปกติจะมีอายุประมาณ 5 วัน เพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศอื่นที่เป็นจุดหมายอันไม่ใช่ประเทศที่ได้รับอนุญาตซึ่งวีซ่าเดินทางผ่าน
วีซ่านักเรียน (Student Visa) เป็นวีซ่าซึ่งอนุญาตให้ทำการเรียนในประเทศที่ได้รับวีซ่านักเรียนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ในบางประเทศอาจใช้วีซ่าท่องเที่ยวแทน
    นอกจากนี้ยังมีวีซ่าอีกหลายประเภท เช่น วีซ่าทำงาน ชั่วคราว (Temporary Worker Visa), วีซ่า ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (On-Arrival Visa), วีซ่าคู่สมรส หรือวีซ่าแต่งงาน (Spouse Visa, Partner Visa, Marriage Visa), วีซ่าคู่หมั้น (Fiancee Visa, Prospective Marriage Visa, settlement Visa), วีซ่าท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa), วีซ่าการทูต (Diplomatic Visa), วีซ่านักเขียน (Jounalist Visa), วีซ่าอพยพ (Immigration Visa), วีซ่าผู้รับบำนาญ หรือ วีซ่าผู้เกษียณ (Pensioner Visa หรือ Retirement Visa) และวีซ่าลูกเรือ (Ship Crew Visa) เป็นต้น
 

วิธีการขอวีซ่าท่องเที่ยว

     ก่อนที่จะดำเนินการยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านช่องทางต่างๆนั้น ต้องศึกษารายละเอียดเงื่อนไขของประเทศนั้นๆทุกครั้ง เพื่อจะได้ทำตามขั้นตอนที่แต่ละประเทศได้กำหนดไว้ และอย่าลืมอัปเดตข้อมูลล่วงหน้าก่อนเดินทางทุกๆครั้ง เนื่องจากข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยปัจจุบันการขอวีซ่าสามารถทำได้หลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของการยื่นขอวีซ่าของแต่ละประเทศที่กำหนดไว้ เช่น

     1. การยื่นขอวีซ่าผ่านสถานทูตหรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าสถานทูต
     ผู้เดินทางที่ยื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องและเดินทางไปยังสถานที่ที่ทางสถานทูตกำหนดไว้ด้วยตนเอง (หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นได้ในการทำวีซ่าของบางประเทศ) และอย่าลืมจัดเตรียมเอกสารให้พร้อมด้วยล่ะ 

     2. การยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์
     ปัจจุบันบางประเทศเริ่มให้ผู้เดินทางสามารถขอวีซ่าได้ผ่านระบบออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐของประเทศนั้น ๆ แทนการส่งเอกสาร ซึ่งมีทั้งการยื่นผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมดแล้วรอฟังผลผ่านอีเมลแล้วส่งหนังสือเดินทางเพื่อรับตราประทับผ่านไปรษณีย์ได้เลย
     กับการยื่นผ่านระบบออนไลน์ก่อนแล้วต้องเดินทางไปยังสถานทูตหรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอีกครั้งเพื่อสัมภาษณ์หรือเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

     3. การยื่นขอวีซ่าผ่านสนามบินปลายทาง
     ในบางประเทศเราสามารถขอวีซ่า ณ สนามบินปลายทาง หรือ Visa on Arrival ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอวีซ่าใด ๆ ในประเทศไทยก่อน จากนั้นเมื่อถึงสนามบินปลายทางคุณก็สามารถยื่นเอกสารขอรับตราประทับวีซ่าในสนามบินได้เลย
     ทั้งนี้ Visa on Arrival ก็ยังมีความแตกต่างจากฟรีวีซ่า เนื่องจาก Visa on Arrival ยังคงมีการกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าอย่างเต็มรูปแบบ และยังมีการคิดค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าด้วย ส่วนประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่านั้นเพียงยื่นหนังสือเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เสร็จแล้ว
 

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่า

     1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าของประเทศนั้นๆ แต่ละประเทศต้องการรายละเอียดมากน้อยไม่เท่ากัน เช่น ข้อมูลส่วนตัว จุดประสงค์และช่วงเวลาเดินทาง ข้อมูลด้านการทำงาน และครอบครัวของคุณ
     2. หนังสือเดินทางที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับรับตราปรับทับวีซ่าอย่างน้อย 1-2 หน้า บางประเทศอาจขอตรวจสอบหนังสือเดินทางฉบับเก่าและประวัติการเดินทางทั้งหมดด้วย
     3. รูปถ่ายหน้าตรงที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน แต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันเรื่องของขนาดและตำแหน่งใบหน้าบนรูป
     4. หลักฐานทางการเงินและแหล่งที่มารายได้ เช่น หนังสือรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน รวมทั้งรายการเดินบัญชี หรือหลักฐานของผู้สนับสนุนของคุณที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอต่อการใช้จ่ายในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศนั้น แทน แต่บางประเทศก็ไม่จำเป็นต้องใช้
     5. เอกสารการเดินทางอื่น ๆ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก แผนการเที่ยว ที่แสดงจุดประสงค์เพื่อขอวีซ่า และจะพำนักอยู่ในประเทศของเขาเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น

ข้อแนะนำในการขอวีซ่า

     1. เตรียมหลักฐานให้พร้อม
     หากคุณเตรียมเอกสารไปไม่ครบตามที่ประเทศนั้น ๆ ต้องการ คุณอาจเสียเวลาเปล่า จึงควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ไม่ตกหล่น เพราะคุณจะไม่สามารถส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ และศูนย์รับคำร้องบางแห่งอาจคิดค่าบริการเพิ่มเติมในการตรวจเอกสารด้วย

     2. พิสูจน์ว่าจะกลับมา
     บางประเทศอาจขอดูหลักฐานที่แสดงความยืนยันว่าคุณมีภาระผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิด เช่น โฉนดที่ดิน สัญญากู้บ้านหรือผ่อนรถ ที่สื่อว่าคุณจะต้องกลับมา ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ครอบครัว และทรัพย์สินที่คุณมี

     3. เล่าความจริงทั้งหมด
    สถานทูตสามารถเช็คได้ว่าสิ่งที่คุณกรอกลงในแบบฟอร์มหรือให้สัมภาษณ์มาทั้งหมดนั้นคือความจริงหรือไม่ หากคุณปั้นเรื่อง คุณอาจไม่ได้ไปเยือนประเทศนั้นอีกเลยตลอดชีวิต

     4. เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ
     เอกสารประกอบการพิจารณาของบางประเทศอาจต้องมีเอกสารอื่นๆ เช่น ประกันการเดินทาง หลักฐานการตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19

     นอกจากนี้อย่าลืมว่าควรศึกษาข้อมูลเอกสารที่จำเป็นโดยละเอียด ก่อนการยื่นคำร้องขอวีซ่าทุกครั้ง แค่คุณเตรียมเอกสารต่างๆให้ครบถ้วน และเป็นความจริง ถึงแม้ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร คุณก็จะรู้ว่าการขอวีซ่าไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ

     ต้องการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อยื่นวีซ่า คลิก