Virtual Travel อยู่บ้านก็เที่ยวได้!
ในสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ นอกจากภาวะตึงเครียด มีความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาวะที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความน่าเบื่อ เพราะเราทุกคนจำเป็นต้องอยู่ในเคหสถาน อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนที่เรารัก แม้ว่าอยากออกนอกบ้าน อยากไปเที่ยวใจจะขาดก็ตาม >_<
วันนี้ TraveliGo มีไอเดียมาแชร์ถึงวิธีการท่องเที่ยวให้คุณ “เที่ยวที่บ้าน” ได้ โดยได้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวจริงๆ ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่เรียกว่า Virtual Travel ซึ่งจะทำให้เราเหมือนได้ท่องเที่ยวไปในโลกอีกใบหรือได้เตรียมตัวก่อนไปเที่ยวจริงด้วยเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ใครที่มีแว่น VR ไว้ใช้เล่นเกมอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาใช้เปิดประสบการณ์เที่ยวอยู่บ้านได้ง่ายๆเลย และหากใครมีแผนเที่ยวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไปแล้ว เราก็มีเรื่องของการเดินทางด้วย VR และ AR ที่น่าสนใจมาฝากด้วย
เรื่องแรกกับแอปพลิเคชั่น “ScotlandVR” แอปที่ทุกคนสามารถโหลดได้ฟรีและได้ไปเที่ยวสกอตแลนด์ฟรีๆได้เลย แอปพลิเคชั่นนี้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาควิชาการด้านเทคโนโลยีและการท่องเที่ยวของสกอตแลนด์ ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนของโลกก็สามารถหลุดเข้าไปในสถานที่ Landmark ต่างๆของสกอตแลนด์ในช่วงปี 2017 ได้เลย
ในอนาคตการท่องเที่ยวแบบ Virtual Travel จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ Conrad Chicago โรงแรมชื่อดังระดับโลกเองก็นำประสบการณ์ท่องเที่ยวนี้มาให้บริการในส่วนของห้องอาหาร Baptiste & Bottle ของโรงแรม ด้วย Virtual Reality Scotch Cocktail กับเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า The Macallan Rare Journey ท่ามกลางบรรยากาศและเสียงในโลกเสมือนจริงผ่าน VR ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลกเป็นอย่างมาก
ภาพจาก csmonitor.com
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น เทคโนโลยี VR ยังสามารถพาเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลงเมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 จากการพัฒนาของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาของประเทศญี่ปุ่น โดยมีความยาวของเหตุการณ์ประมาณ 5 นาที ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลงเมืองฮิโรชิมา
ภาพจาก kayak.co.uk
นอกจาก VR ที่ช่วยสร้างโลกเสมือนจริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในยุคนี้ก็คือ Augmented Reality (AR) ที่จะสามารถช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางได้ เพราะสมัยนี้แอปพลิเคชั่น AR ที่มีในมือถือของเราสามารถวัดระยะแทนตลับเมตรได้แล้ว แอปพลิเคชั่นก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ใช้วัดขนาดกระเป๋าเดินทาง ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณสามารถจะใส่เข้าไปในช่องเก็บของ Carry-on หรือโหลดใต้เครื่องได้หรือไม่ เพื่อลดปัญหาการโหลดกระเป๋าก่อนจะขึ้นเครื่องนั่นเอง แต่อย่างไรก็อย่าลืมคิดถึงเรื่องน้ำหนักกระเป๋าด้วยล่ะ
ภาพจาก skywell.software
Google Map แอปพลิเคชั่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ก็พัฒนาฟีเจอร์เสริมด้วยเทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานหลงทางน้อยลง ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้งานบางรายได้ทดลองใช้แล้ว นอกจากนี้ Google ยังคงกำลังพัฒนาแอปฯอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้ AI และ Machine Learning เพื่อจำแนกสิ่งที่จำเป็นให้มาอยู่บนแผนที่ได้อีกด้วย
ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ VR และ AR ทำให้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบ Virtual Travel ให้เราได้ใช้ประโยชน์ในการเดินทางที่สะดวกสบาย และได้ประสบการณ์ต่างๆที่หลากหลาย รวมถึงแอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจอีกมากมาย รู้แบบนี้แล้วคงไม่ต้องนั่งเบื่อกับการกักตัวกันอีกต่อไป วางแผนแล้วไปเที่ยวกันเถอะ!
ขอบคุณข้อมูลจาก visitscotland.com , chicago.eater.com , csmonitor.com , kayak.co.uk และ skywell.software
#VirtualTravel #VirtualReality #VR #AugmentedReality #AR #TraveliGo