เดือนสิงหาคม เที่ยวไหนดี

Pawana Tiensiri

       ย่างเข้าเดือนแปด มีทั้งแดด มีทั้งฝน เดือนสิงหาคมที่ยังอยู่ในหน้าฝน แต่ก็ยังมีที่เที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปเที่ยวอีกมาก สำหรับเดือนสิงหาคมบอกเลยว่า ที่เที่ยวหลากหลายจริง ๆ มีทั้ง เที่ยวเขา เที่ยวน้ำตก เที่ยวทุ่งดอกไม้ เที่ยวไร่ผัก แถมมีประเพณีสำคัญน่ารัก ๆ ที่ต้องไปดู เชื่อว่าอ่านบทความนี้จบได้วางแผนเที่ยวเดือนสิงหาแน่นอน


1. กุ้งเดินขบวน ที่แก่งลำดวน จังหวัดอุบลราชธานี

       มาเที่ยวที่แรก เรียกว่าสุดยอดไฮไลท์ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม ต้องยกให้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ คือ ปรากฏการณ์ “กุ้งเดินขบวน” ที่แก่งลำดวน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี กับกุ้งนับแสนตัวที่เดินขบวนทวนน้ำขึ้นไปเพื่อสืบพันธุ์และวางไข่ในแหล่งต้นน้ำบนเทือกเขาพนมดงรัก เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้ได้พบเห็น ที่หนึ่งปีมีครั้งเดียว ช่วงเวลาที่เหมาะจะไปดู คือ ประมาณ 19:00-05:00 น. อย่าลืมเตรียมไฟฉายและใช้ผ้าขาวคลุมอีกทีเพื่อไม่ให้แสงไฟรบกวน ควรงดใช้เสียงระหว่างการเดินทางและไม่ควรจับกุ้งหรือสัมผัสกับฝูงกุ้งที่กำลังเดินขบวนอย่างสวยงาม 


2. น้ำตกรูปหัวใจ ที่น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก

       “น้ำตกปิตุ๊โกร” หรือ หรือน้ำตกเปรโต๊ะลอซู จังหวัดตาก น้ำตกที่มีรูปร่างคล้ายหัวใจ มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย ด้วยความสูงเกือบ 2 เท่าของตึกใบหยก ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก นักท่องเที่ยวจะเรียกกันว่า “น้ำตกรูปหัวใจ”

       การเดินทางขึ้นไปชมน้ำตก จะต้องเดินลัดเลาะตามริมลำธารใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวนิยมไปตั้งแคมป์บริเวณด้านล่างเขาสักประมาณ 1 คืน แล้วค่อยเดินต่อไปยังน้ำตกในตอนเช้า ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปชมน้ำตกปิตุ๊โกร คือ ช่วงฤดูฝนน้ำจะเต็มทำให้มองเห็นเป็นรูปหัวใจสวยงาม


3. ชมดอกลิ้นมังกร ที่น้ำตกหมันแดง ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

       เดือนสิงหา ถ้าคุณอยากเที่ยวชมดอกไม้หายาก ต้องไป “น้ำตกหมันแดง” ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่กล้วยไม้ลิ้นมังกรสีชมพู (Habenaria rhodochela) หรือที่เรียกกันว่า ดอกลิ้นมังกรสีชมพู ที่เป็นดอกไม้หายาก แต่จะมีให้ชมได้ที่น้ำตกหมันแดง โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะออกดอกบานสะพรั่ง หนึ่งปีจะบานครั้งเดียว น้ำตกหมันแดง มีทั้งหมด 9 ชั้น แต่จุดที่ชมวิวดีที่สุดคือ บริเวณลานหินแตก น้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 แนะนำให้ไปช่วงเวลาก่อน 9:00 น. จะยิ่งอากาศดี 


4. หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ

       Unseen Thailand แห่งใหม่ที่ต้องห้ามพลาด คือ “หินสามวาฬ” (Tree Rock Whale) อำเภอภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ ก้อนหินขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากภูเขา ถ้ามองในมุมสูงหินสามก้อนนี้มีลักษณะคล้ายวาฬพ่อแม่ลูกสามตัว ว่ายน้ำเรียงกันอยู่ จึงเรียกกันว่าหินสามวาฬ คาดกันว่ามีอายุกว่า 75 ล้านปี ที่นี่เหมาะมากกับการมาชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า แต่เนื่องจากรูปร่างของหิน การเดินขึ้นไปชมวิวควรระวังอาจจะลื่นล้มหรือพลาดตกลงมาได้ ควรท่องเที่ยวอย่างระมัดระวัง


5. ไร่กะหล่ำปลี ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

       ภูทับเบิก จุดที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดนี้และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ต้องไปเยือน คือ “ไร่กะหล่ำปลี” กะหล่ำปลีนาดใหญ่ ปลูกบนพื้นที่ภูทับเบิกที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,768 เมตร เป็นแหล่งผลิตกะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ส่วนใหญ่อากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี ช่วงหน้าฝนกะหล่ำปลีได้รับน้ำฝนบรรยากาศยิ่งสวยงาม จัดเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองวิวได้กว้างไกล เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวไปแล้วต้องไปอีก


6. ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์

       หน้าฝนเหมือนสวรรค์ของการท่องเที่ยวทุ่งดอกไม้ โดยเฉพาะที่ภูสอยดาวหรืออุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ อุตรดิตถ์และพิษณุโลก จะมี ”ทุ่งดอกหงอนนาค” ที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกของภูสอยดาว ดอกมีสีม่วงอ่อน หรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู เป็นดอกไม้ที่หาชมค่อนข้างยาก เกสรของดอกหงอนนาค มักมีหยดน้ำติดอยู่ประปราย จึงเรียกกันว่าน้ำค้างกลางเที่ยง ไฮไลท์จุดชมวิวดอกหงอนนาคสามารถหาชมได้ที่ บริเวณลานสนสามใบภูสอยดาวและบริเวณจุดกางเต็นท์ รวมถึงตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมองไปทางไหนก็สวยงามน่าชม 


7. ทุ่งโปรงทอง จังหวัดระยอง

       มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกของไทยในหน้าฝน ก็ต้องยกให้ "ทุ่งโปรงทอง" ปากน้ำประเสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ควบคู่ไปกับเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ ไฮไลต์สำคัญ คือ ทุ่งโปรงทอง เกิดจากการเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นของต้นโปรงใบสีเหลืองอร่าม ยิ่งเวลาโดนแสงแดดมองแล้วคล้ายสีทอง ชวนให้นักท่องเที่ยวต้องไปมองให้เห็นกับตา จะมาเดินเล่นลัดเลาะไปตามสะพานไม้ที่มีระยะทางกว่า 2.6 กิโลเมตรก็เพลินตาเพลินใจ ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่าเต็มที่


8. วนอุทยานปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

       ข้ามจากฝั่งตะวันออกมาท่องเที่ยวธรรมชาติฝั่งตะวันตก ก็ต้องไม่พลาด “วนอุทยานปราณบุรี” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วนอุทยานปราณบุรี คือ โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีเส้นทางเป็นสะพานไม้ยกระดับให้เดินลัดเลาะตามป่าชายเลนยาวกว่า 1,000 เมตร บรรยากาศเขียวขจี อากาศดี มีกิจกรรมเด่น คือ การเดินลัดเลาะชมธรรมชาติและกิจกรรมล่องเรือ วนอุทยานปราณบุรีไม่ได้มีแต่ป่าชายเลนให้ได้ไปเดินเล่นสัมผัสธรรมชาติ แต่มีหาดทรายขาวสะอาด ทอดยาว 1 กิโลเมตร อยู่ทางด้านตะวันออกของวนอุทยานฯ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ท้องทะเล เกาะสิงโต เขาตะเกียบ และเขาเต่าได้อีกด้วย


9. ซาฟารีเมืองไทย เกาะพระทอง จังหวัดพังงา

       ถ้าคุณอยากไปท่องเที่ยวแบบธรรมชาติสุด ๆ ต้องปักหมุดไป เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “ซาฟารีเมืองไทย” เกาะพระทอง เป็นเกาะกลางทะเล ครอบคลุมอำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีทุ่งหญ้าสีทองกว้างใหญ่ และต้นเสม็ดขาวกระจายอยู่เป็นจุด ๆ มองแล้วคล้ายทุ่งหญ้าซาฟารีในแอฟริกา หรือเรียกกันว่า “สะวันนาเมืองไทย” เป็น ‘Unseen Thailand’ ที่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย เช่น  ตั้งแค้มป์  ขี่จักรยานชมวิวทุ่งหญ้าสะวันนา  จุดเด่นอีกหนึ่งสิ่งของที่นี่ คือ ใช้รถอีแต๊กเป็นพาหนะทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจมาก หรือจะลองใช้บริการรถจักรยานยนตร์พ่วงข้างเปลี่ยนบรรยากาศการชมวิวก็มี เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์และเป็นเป้าหมายนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติยังคงอยากไปเที่ยว 


10. ประเพณีโล้ชิงช้าชาวอาข่า บ้านแม่สลองใน จังหวัดเชียงราย

       การท่องเที่ยวเดือนสิงหาคมมีหนึ่งประเพณีน่าสนใจและประเพณีสำคัญของชาวอาข่า น่ารัก น่าสนุกและมีความหมาย คือ “ประเพณีโล้ชิงช้าชาวอาข่า” ประเพณีนี้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระคุณแห่งเทพธิดา “อึ่มซาแยะ” ผู้ประทานความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชพันธุ์ธัญญาหาร และเพื่อเฉลิมฉลองพืชผลที่งอกงามและมีการจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ 

       มีการเลี้ยงฉลองและมีการเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน กิจกรรมสำคัญ คือ การโล้ชิงช้า เป็นการละเล่นแบบโบราณของชาวเขาเผ่าอาข่า ชิงช้าหมุนหรือชิงช้าสวรรค์อาข่า รวมถึงเล่นกระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ หรือบ่อฉ่องตุ๊ด้วย ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่น่ารักและมีความหมายต่อชาวอาข่า แต่ละชุมชนจะเลือกวันที่ดีเพื่อจะทำพิธีนี้ ทำให้บางชุมชนอาจจะจัดงานไม่ตรงกัน

       เที่ยวเมืองไทยมีหลากหลายรูปแบบ แม้แต่ในหน้าฝนก็ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติสวย ๆ กิจกรรมประเพณีที่น่าสนใจให้คุณได้เลือกท่องเที่ยวแบบหลากหลายแบบไม่ต้องหวั่นใจกับสายฝนที่โปรบปราย เพราะการท่องเที่ยวจะเยียวยาจิตใจให้ลืมสายฝนและลมเย็น แต่กลับจะเห็นถึงความงามของธรรมชาติและความสุขที่ได้จากการออกเดินทางท่องเที่ยวไปในแต่ละสถานที่ เลือกที่เที่ยวดีดีที่คุณชื่นชอบแล้วออกไปเที่ยวทั่วไทยด้วยกันแบบไม่หวั่นสายฝนด้วยรถเช่าจาก TraveliGo พร้อมโปรโมชั่น คลิก