บินตรงสู่ซาอุดิอาระเบีย พร้อมบินภายใน 2 เที่ยว รวมวีซ่าและทิปทุกอย่างแล้ว พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว

ทัวร์ซาอุดิอาระเบีย ริยาด อัลอูลา เจดดาห์ รวมวีซ่า และทิปทุกอย่างแล้ว

บินตรง เที่ยวเต็มวัน ฟรีประกันการเดินทาง ฟรีน้ำหนักกระเป๋าตามที่สายการบินกำหนด ฟรีวีซ่า รวมค่าเข้าสถานที่เที่ยว
รายละเอียด

ทัวร์ซาอุดิอาระเบีย ริยาด อัลอูลา เจดดาห์ รวมวีซ่า และทิปทุกอย่างแล้ว 9 วัน 7 คืน โดยสายการบิน การบินไทย เที่ยวริยาด หมู่บ้านมรดกโลก อัดดิรอียะฮ์ เมืองโบราณอัลอาชาร์ ป้อมมัสมัค เมดินา อัลอูลา เมืองโบราณเฮกรา หินช้าง ตึกกระจก เมืองมรดกโลกเฮกครา เจดดาห์ เมืองมรดกโลกอัล บาลัด รถไฟความเร็วสูง 


รหัสทัวร์ : GOSA7749
 ริยาดห์, ซาอุดีอาระเบีย
สายการบินซาอุดิอาระเบียแอร์ไลน์
วันที่เดินทาง :
25 ธ.ค. 2567 ถึง 02 ม.ค. 2568 ช่วงเวลาอื่น
ราคาเริ่มต้น
USD 5,466
ทำไมต้องจองทัวร์กับเรา
  • ราคาสุดท้ายไม่บวกเพิ่ม
  • รับประกันราคาที่ดีที่สุด
ติดต่อสอบถาม
02 001 5855
จันทร์ - เสาร์ 09:00 น. - 18:00 น.
ตารางการเดินทาง
  • วันที่
    1
    กรุงเทพ –  เจดดาห์ (พักค้าง 2 คืน)

    23.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินซาอุดิอาระเบีย  อาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินสุวรรณภูมิ สัมภาระน้ำหนัก 23 กก. สำหรับโหลด (ท่านละ 1 ใบ)  และ ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก.

  • วันที่
    2
    เจดดาห์ – แหล่งมรดกโลกอัล บาลัด – อัลเทยาบัท

    02.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอะราเบีย โดยสายการบิน ซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ SV 849 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.15 ชั่วโมง) 
    06.30 น. เดินทางถึงสนามบินเจดดาห์ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)
    08.00 น. นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก กระเป๋าฝากไว้ในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองมรดกโลกอัล บาลัด (Al Balad UNESCO) เมืองนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกและเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด ถนนคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตซอกแซกไปตามบ้าน มัสยิด และตลาดกลางแจ้งต่างๆ ที่อยู่ในจุดเล็กๆ ของเมือง นำท่านแวะถ่ายรูปกัลประตู Bab al Makkah หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Makkah Gate ซึ่งสร้างเอาไว้เพื่อต้อนรับผู้แสวงบุญที่เดินทางไปยังเมืองเมกกะ (Mecca) จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์นาซีฟ (Naseef House) หนึ่งในบ้านสีแสดที่โด่งดังของเมืองนี้ที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1872 Sheikh Omar Effendi Nassif ผู้ปกครองของเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ในสมัยนั้นเป็นผู้สร้างแมนชั่นที่มี 106 ห้องแห่งนี้ขึ้น ที่แมนชั่นแห่งนี้จะมีทางลาดที่ค่อนข้างกว้างเอาไว้สำหรับให้อูฐขึ้นไปส่งสารข้อความและเสบียงให้สำหรับทั้ง 5 ชั้นของบ้าน นำท่านเที่ยวชมตลาด Suq Al Alawi, Al-Balad เพื่อซื้อของฝาก เช่น เครื่องเพชรพลอยสีแสด เครื่องหนัง และอื่นๆ
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองอัล เทยาบัท (Al Tayebat International City)  สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์ให้เดินเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมสิ่งของที่น่าสนใจที่สุดในประเทศ และยังมีสกุลเงิน เฟอร์นิเจอร์โบราณ อาวุธโบราณและต้นฉบับของคัมภีร์อัลกุลอานและสถานที่แห่งนี้ยังจัดแสดงบ้านจำลองจากทุกภูมิภาคของซาอุดิอาระเบียอีกด้วย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย 
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel Jeddah ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

  • วันที่
    3
    เจดดาห์ - ทัวร์ทะเลทราย (Dune Safari) - ขี่อูฐชมทะเลทราย

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    นำท่านเข้าชม Our days of Bliss Magad พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้างของเครื่องใช้และการตกแต่งบ้านของชาวพื้นเมือง ตลอดจนสกุลเงินที่ใช้ในประเทศแต่ละยุคสมัย ได้เวลานำท่านสู่ถนนเลียบทะเลเจดดาห์ (Jeddah Corniche) เป็นเขตริมน้ำของเมือง นอกจากมีแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งร้านอาหารแล้ว ยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฟาเกียะฮ์ (Fakieh Aquarium) มัสยิดลอยน้ำ (Floating Mosque) และ น้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahd’s Fountain) อีกด้วย บริเวณทางเดินริมทะเลเหมาะสำหรับการเดินเล่นหรือนั่งเล่น นำท่านแวะถ่ายรูปกับมัสยิด Masjid Al Rahma หรือ Al Rahma Mosque หรือเป็นที่รู้จักในชื่อว่า มัสยิดลอยน้ำ (Floating Mosque) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1985 การออกแบบของการก่อสร้างทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูเหมือนลอยอยู่ในทะเลแดง (Red Sea) มัสยิดแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สวยงามของสถาปัตยกรรมแบบอิสลามและคุ้มค่าที่จะแวะไปเยี่ยมชม ช่วงที่น้ำขึ้นสูงจะทำให้เราได้ภาพที่เหมือนมัสยิดลอยน้ำอยู่จริงๆ และจะทำให้ภาพสวยขึ้นไปอีกหากมีแสงกระทบกับผิวน้ำช่วงฟ้าสางหรือพลบค่ำ จากนั้นนำท่านชมน้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahd’s Fountain) เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1985 น้ำพุแห่งนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง และน้ำพุแห่งนี้พ่นน้ำสูงถึง 312 เมตรจึงเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก สายน้ำจากน้ำพุที่น่าประทับใจแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากจุดต่างๆทั่วเมือง เจดดาห์ (Jeddah) น้ำพุนี้จะดึงน้ำมาจากทะเลแดง จึงสามารถทำความเร็วได้สูงกว่า 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ Red Sea Shopping Mall อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า และ ช้อปปิ้งได้ตามอัธยาศัย 
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ตลาด Gabel Street Souq (Qabel Trail) ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเหมาะกับการชอปปิ้ง หาของทานเล่น หรือดื่มด่ำกับประสบการณ์ตะวันออกกลางที่แท้จริง ในตลาดมีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น น้ำหอม รองเท้าและกระเป๋าหนัง และเครื่องเพชรพลอย และที่ตลาดนี้ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังมีคนในท้องถิ่นที่แวะมาซื้ออาหารและของใช้ในครัวเรือนที่จำเป็นอีกด้วย 
    15.00 น. นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถ 4x4 WD สนุกสนานกับกิจกรรม Dune Safari ท่ามกลางทะเลทรายแห่งซาอุดิอาระเบีย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูป หรือจะเลือกขี่อูฐ (กิจกรรมขี่อูฐรวมในค่าทัวร์แล้ว) หรือ เล่นกระดานโต้คลื่นจากเนินทรายสูง ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนกว้างไกลของทะเลทราย
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ BBQ Dinner
    นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel Jeddah ***** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)

  • วันที่
    4
    เจดดาห์ – เมดินา – นั่งรถไฟความเร็วสูง สู่เมืองเมดินา

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    07.00 น. นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟ High Speed Train (HHR Hi Speed Train) เพื่อสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟหัวจรวดความเร็วสูง หรือที่รู้จักกันในนามรถไฟตะวันตกหรือเมกกะ-Medina รถไฟความเร็วสูงสายซาอุดิอาระเบีย เชื่อมโยงเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในเมดินาและเมกกะผ่านเมืองเศรษฐกิจคิงอับดุลลาห์โดยใช้สายหลัก 449.2 กิโลเมตร (279.1 ไมล์) และการเชื่อมต่อสาขา 3.75 กิโลเมตร (2.33 ไมล์) ไปยังสนามบินนานาชาติคิงอับดุลลาซิซ (KAIA) ในเจดดาห์ รถไฟสายนี้ออกแบบมาสำหรับความเร็วสูงสุด 186 ไมล์ต่อชั่วโมง (299 กม. / ชม.) ซึ่งจากเมืองเจดดาห์ ไป เมดินา    
    08.32 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟเจดดาห์
    10.53 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟเมดินา
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
    บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Al Masjid Nabawi Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่ที่มีความสวยงามแห่งเมืองเมดินา (อนุญาตให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าเท่านั้น) เป็นมัสยิดที่ก่อตั้งและสร้างสรรค์โดยศาสดาของศาสนาอิสลาม Prophet of Islam Muhammad ตั้งอยู่ในเมือง Medina ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นมัสยิดแห่งที่ 3 ที่สร้างขึ้นในประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม และในปัจจุบันก็กลายเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสองในศาสนาอิสลาม รองจากมัสยิด Masjid al-Haram ในเมือง Mecca และที่นี่ยังเป็นที่ฝังศพของท่านนบีมุฮัมมัดอีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมดินา (Medina Museum) ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมในเมืองเมดินา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    นำท่านเข้าสู่โรงแรม  Le Meridien Hotel Medina ***** หรือ เทียบเท่า

  • วันที่
    5
    เมดินา – อัลอูลา – ตึกกระจก – หินช้าง

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    นำท่านเดินทางสู่เมืองอัลอูลา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกท่ามกลางทะเลทราย คือแหล่งโบราณสถานเฮกรา หรือมะดาอินศอเลียะห์ หรืออัลฮิจญร์ ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยราชอาณาจักรแนบาเทีย เป็นอารยธรรมยุคเดียวกับเปตรา เมืองหินแกะสลักโบราณในประเทศจอร์แดน โบราณสถานแห่งนี้มีทั้งสุสานโบราณ หินธรรมชาติรูปทรงแปลกๆ กลางทะเลทราย ภาพวาดบนผนังถ้ำ และสิ่งก่อสร้างอีกมากมายที่ไดรับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
    บ่าย นำท่านชมตึกกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ กลางทะเลทรายหุบเขาอัชชาร์ สิ่งก่อสร้างใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีแค่การต่อยอดแรงบันดาลใจจากหินทราย หรืออิงสถาปัตยกรรมตามอารยธรรมโบราณประจำถิ่นเท่านั้น แต่ที่อัลอูลายังมีอาคารยุคมิลเลนเนียมสุดโมเดิร์นที่ชื่อ มารายา ตั้งอยู่ที่หุบเขาอาชาร์ที่มีแท่งหินรูปทรงต่างๆ MARAYA เป็นภาษาอาราบิก แปลว่า กระจก แนวคิดในการก่อสร้างที่ใช้วัสดุค่อนข้างแตกต่างจากอาคารทั่วไปในเมืองมาจากสถานะตามประวัติศาสตร์ของอัลอูลาที่เป็นจุดนัดพบทางอารยธรรมต่างๆ มากว่าหลายพันปีตัวอาคารถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแลนด์มาร์กของอัลอูลา ในแง่การสร้างสรรค์งานด้านวัฒนธรรม โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมอบหมายงานออกแบบให้ Florian Boje สถาปนิกและนักออกแบบชาวอิตาลีแห่งบริษัท Giò Forma MARAYA โดดเด่นด้วยตัวอาคารรูปทรงกล่องลูกบาศก์ติดกระจกทั้งหลัง มีพื้นที่ 9,740 ตารางเมตรและได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 ให้เป็นอาคารกระจกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และด้วยความที่ตัวอาคารติดกระจกใสทั้งหลังตั้งอยู่กลางทะเลทรายที่มีแต่พื้นทรายและภูเขาหินน้ำตาลแดง MARAYA จึงไม่ต่างจากชิ้นงานศิลปะอินสตอเลชันอาร์ตที่สะท้อนเงาของทิวทัศน์ภูเขาแท่งหินที่อยู่รายรอบ นำท่านเดินทางสู่หินรูปช้าง สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก หินรูปช้างสูง 52 เมตร หินที่เกิดจากธรรมชาติแห่งนี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับงวงช้างซึ่งล้อมรอบไปด้วยหินขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเสาหินอนุสาวรีย์ที่มีเป็นร้อยๆ ก้อน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย นำท่านแวะถ่ายรูปกับสถานีรถไฟอัลอูลา ซึ่งเป็นสถานีรถไฟโบราณที่เชื่อมทางรถไฟมาจากเมืองเมดินา เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟ Hijaz Railway station ซึ่งมีแผนสร้างทางรถไฟยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1900 และสร้างถึงเมืองเมดินาในปี 1908 และถึงเมืองดามัสกัสในปี 1913 อย่างไรก็ดีทางรถไฟสายนี้ ก็ไม่สามารถสร้างแล้วเสร็จอันเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
    นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sahary Alula Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)

  • วันที่
    6
    แหล่งโบราณสถานเฮกรา – ปราสาทเดียวดาย – เมืองโบราณดาดัน

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    นำท่านชมเมือง อัลอูลา เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดบนคาบสมุทรอาระเบียที่มีหลักฐานทางโบราณคดีย้อนอายุไปได้กว่า 7,000 ปี อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรโบราณถึง 2 อาณาจักรด้วยกัน คือ ดาดัน และ ลิยัน ไม่เพียงเท่านั้นด้วยทำเลที่ตั้งยังทำให้เมืองนี้มีความสำคัญด้านการค้าในฐานะอดีตเส้นทางค้าขายกำยานและธูปหอม เชื่อมดินแดนจากทางใต้ของคาบสมุทรอาระเบียไปจนถึงดินแดนอียิปต์ นำท่านเที่ยวชมเมืองโบราณเฮกรา เป็นเมืองแห่งอารยธรรมยุคราชอาณาจักรแนบาเทีย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของนครเพตรา มหานครแห่งอารยธรรมแนบาเทียซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทหินทรายสีชมพูอันเลื่องชื่อในเขตประเทศจอร์แดนปัจจุบั เฮกรา ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของ ซาอุดีอาระเบีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2008 และเป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลา ตัวเมืองโบราณเฮกรามีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ มีหลักฐานว่ามีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อกว่า 2,200 ปีก่อน และเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 200 ปีหลังคริสตกาล ส่วนปัจจุบันสิ่งที่หลงเหลือเป็นมรดกที่ชวนตื่นตา ได้แก่ สถาปัตยกรรมสลักหินหรือภูเขาหินซึ่งกระจัดกระจายอยู่กลางทะเลทราย สันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมสลักจากหินเป็น “สุสานของชนชั้นปกครอง” สมัยอาณาจักรแนบาเทียและที่น่าทึ่งก็ทีสุสานเหล่านี้มีมากกว่า 111 แห่ง แต่ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มีราว 94 แห่ง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสลักเสลาลวดลายหน้าประตูบนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่อย่างวิจิตร ในบรรดาสุสานหินกลางทะเลทรายเมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลที่ย่านสุสานหิน Mada’in Salih ในอาณาเขตเมืองโบราณเฮกรานั้น “สุสานของบุตรแห่งคูซา” หรือฉายา ปราสาทแห่งความเดียวดาย ถือเป็นไฮไลต์ของสุสานหินที่สลักจากภูเขาหินทรายทั้งลูก เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบแนบาเทีย ที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองมรดกโลกเฮกรา จากปริศนาในกรรมวิธีการสลักเสลาหน้าผาหินจากส่วนบนลงล่าง เป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครอง ในยุคอารยธรรมของชาวนาบาเทียนและชาวลิยัน ช่วงอาณาจักรแนบาเทียและลิยันรุ่งเรือง จุดนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กของการท่องเที่ยวที่ในบางโอกาสมีการจัดแสดงแสงสีเหนือสุสานให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นไฮไลต์ของทัวร์มรดกโลกเมืองโบราณเฮกราด้วย
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
    บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโบราณดาดัน ใจกลางเขตโอเอซิสกลางหุบเขา ซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานและหลักฐานที่แสดงที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรดาดัน ช่วงราว 800-900 ปีก่อนคริสตกาล อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรลิยัน ช่วงราว 500-200 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวได้ว่าอารยธรรมดาดันเป็นอารยธรรมเก่าแก่ของดินแดนอาหรับโบราณ และเป็นอารยธรรมเก่าที่สุดที่ค้นพบหลักฐานการดำรงอยู่ในเมืองอัลอูลา ไฮไลต์ในเมืองดาดันคืองานแกะสลักภูเขาหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ที่ เรียกว่า สุสานสิงโต หรือ Lion’s Tombs ซึ่งมีบันไดจากพื้นราบขึ้นไปสู่ตัวสุสานด้านบน สันนิษฐานว่าสุสานหินสีน้ำตาลแดงที่สลักเป็นรูปสิงโต 2 ตัวอยู่ด้านหน้าทางเข้าของปราสาทที่ใหญ่โตเป็นภูเขากลางที่ราบนี้น่าจะเป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครองอาณาจักรสมัยนั้น จารึกบนผาหินขนาดใหญ่สามารถพบเจอได้ทั่วเมืองอัลอูลา มีทั้งตัวอักขระโบราณหลากหลายภาษา จารึกบางชิ้นสามารถย้อนไปได้ไกลถึงยุคก่อนเกิดภาษาอาหรับ ตอกย้ำความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของอัลอูลา โดยจารึกบนผาหินที่สำคัญได้แก่บริเวณ ภูเขายามาล อิกมะห์ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโบราณดาดัน ด้วยความที่บริเวณภูเขายามาล อิกมะห์พบจารึกบนผาหินจำนวนมาก ภูเขายามาล อิกมะห์จึงได้ฉายาว่า ห้องสมุดกลางแจ้ง เป็นห้องสมุดขนาดมหึมาที่มีการจารึกบนผาหินด้วยอักขระกว่าหลายร้อยตัวผสมผสานกับงานสลักหินเป็นรูปต่างๆ เป็นทางยาว เล่าเรื่องราวสะท้อนพิธีกรรม เช่น ภาพเครื่องดนตรี รูปร่างมนุษย์และสัตว์ สะท้อนวิถีชีวิตชาวลิยันและชาวดาดัน ที่ก่อร่างสร้างอารยธรรมในแถบนี้เมื่อราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล 
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
    นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sahary Alula Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)

  • วันที่
    7
    อัลอูลา – ริยาด (บินภายใน) – Edge of the World

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    07.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอัลอูลา
    08.30 น. ออกเดินทางสู่เมืองริยาด โดยเที่ยวบิน SV1047 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง
    10.05 น. เดินทางถึงสนามบินริยาด
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำท่านเดินทางสู่ทะเลทราย Edge of the World หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jebel Fihrayn อยู่ห่างจากกรุงริยาด 90 กม. และมีหน้าผา Tuwaiq อันกว้างใหญ่ซึ่งทอดยาวกว่า 600 กม. บนหน้าผาสูง 300 เมตร ผ่านทางตอนกลางของซาอุดิอาระเบีย และครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางคาราวานการค้าโบราณ ที่ใช้ข้ามคาบสมุทรอาหรับจากเยเมนไปยังลิแวนต์ และเปอร์เซียในอดีตนั่นเอง ด้วยความอลังการของทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมมากที่สุดในซาอุดิอาระเบีย อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายรูปตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงริยาด นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Kingdom Center Tower เป็นสูงและเป็นจุดศูนย์กลางแห่งเมืองรียาด นำท่านขับรถเที่ยวชมเมืองหลวงที่คราคร่ำไปด้วยตึงสูงทันสมัยหลายตึก จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ King Kalid Grand Mosque สุเหร่าสีขาวที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของซาอุดิอาระเบีย
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Crown Plaza Hotel Riyadh *****  หรือเทียบเท่า 

  • วันที่
    8
    รียาด – หมู่บ้านมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์ – ป้อมโบราณมัสมัค – สุเหร่า อัลราจิ แกรนด์มอสค์

    เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
    นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์ (Al Diriyah) ตั้งอยู่ชานเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) และเป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เมืองนี้เป็นเมืองหลวงเก่าของซาอุดิอาระเบียและเป็นบ้านของครอบครัว Al Saud นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความทันสมัยและความเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเมือง ด้านที่เป็นความทันสมัยจะมีคาเฟ่ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถข้ามสะพานถนน Wadi Hanifah ไปยังเขต Al Turaif ที่มีที่พักอาศัยของราชวงศ์โบราณ พิพิธภัณฑ์ Diriyah Museum และชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์อีกมากมายของเมือง Ad Diriyah จากเขต Al Turaif นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของแหลางมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์
    กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
    บ่าย นำท่านเข้าชมป้อมปราการมัสมัค (Masmak Fortress) กองทหารรักษาการณ์เก่าที่คอยปกป้องประเทศมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของความสวยงามด้านนอกที่ีเป็นป้อมปราการดิน ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นคลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์ และหลังจากที่โดน Ibn Saud โจมตีป้อมปราการในปี ค.ศ. 1902 สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเรือนจำแทน นำท่านเข้าชมพระราชวังประวัติศาสตร์มูร์รับบา (Murabba Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่โด่งดังในเมืองรียาด พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์และสร้างในสไตล์ Najdean ซึ่งได้มีการจัดแสดงของใช้ส่วนตัว ของที่ระลึกและพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์ นอกจากนั้นจะได้เห็นรถโรลส์-รอยซ์ของกษัตริย์ที่ท่านได้รับเป็นของขวัญจากนายกรัฐมนตรีชาวอังกฤษ วินสตันเชอร์ชิลล์ในปี ค.ศ. 1946 อีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) เพื่อย้อนรอยประวัติศาสตร์ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับสุเหร่า อัลราฮิด (Al Rajhi Grand Mosque) ซึ่งเป็นสุเหร่าใหญ่ประจำกรุงรียาด (ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปในสุเหร่าแห่งนี้) 
    ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    23.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินริยาด เพื่อเชคอิน

  • วันที่
    9
    เจดดาห์ – กรุงเทพ

    02.10 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน SV846 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.35 ช.ม.)
    13.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

มื้ออาหารและที่พัก
วันที่
อาหารเช้า
อาหารเที่ยง
อาหารเย็น
โรงแรม
1
Radisson Blu Hotel Jeddah or Equivalent
2
Radisson Blu Hotel Jeddah or Equivalent
3
Radisson Blu Hotel Jeddah or Equivalent
4
Le Meridien Hotel Medina or Equivalent
5
Sahary Alula Resort Hotel or Equivalent
6
Sahary Alula Resort Hotel or Equivalent
7
Crown Plaza Hotel Riyadh or Equivalent
8
-
9
-
ข้อตกลงและเงื่อนไข
  • ชำระเงินเต็มจำนวน

  • ผู้เดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนหรือมีเอกสารแสดงผลการทดสอบ COVID-19

แพ็กเกจนี้รวม
  • ตั๋วเครื่องบินไป - กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน TG (กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ น้ำหนัก ไม่เกิน 20 กก./ท่าน)

  • ค่าภาษีสนามบิน,ค่าภาษีน้ำมัน,ค่าประกันภัยทางอากาศ

  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาท

  • ค่ารักษาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท  (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 80 ปี) ประกันการเดินทางครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลการติดเชื้อโควิดในต่างประเทศ

  • ค่าภาษีในทุกประเทศ  (ประเทศตามระบุในโปรแกรมทัวร์)

  • ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่)

  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่

  • ค่าวีซ่าซาอุดิอาระเบีย

  • เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง และทิปต่างๆ

แพ็กเกจนี้ไม่รวม
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าด้วยตัวท่านเอง เพื่อป้องกันการสูญหาย

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์-แฟกซ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ

  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%

เงื่อนไขการยกเลิก
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 30 วันล่วงหน้าก่อนการเดินทางหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นมัดจำตั๋วเครื่องบิน, วีซ่าและค่าดำเนินการ (ถ้ามี), ค่าโรงแรม, ค่าตั๋วรถไฟ โดยจะมีรายละเอียดแสดงให้แก่ลูกค้าได้รับทราบ (หมายเหตุ: ช่วง Peak season สายการบินให้มัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือน ก่อนการเดินทาง)    

  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 15-29 วันก่อนการเดินทาง หักค่าทัวร์ 50% + ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง     

  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 0-14 วันก่อนการเดินทาง ยึดค่าทัวร์ 100%

  • ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% 

** หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม **

หมายเหตุ
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการเดินทาง (กรณีผู้เดินทาง 10-14 ท่าน เพิ่มเงินท่านละ 4,000 บาท)

  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน

  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน  การนัดหยุดงาน  การประท้วง  ภัยธรรมชาติ  การก่อจลาจล  อุบัติเหตุ  ปัญหาการจราจร ปัญหาการเสริฟ์ช้าของร้านอาหาร หรือ เหตุใดๆที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ฯลฯ   ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด และหากหัวหน้าทัวร์ไม่ได้ดำเนินการทำทัวร์ตามโปรแกรม ท่านต้องแย้งและเรียกร้องสิทธิ์ในรายการนั้น หากท่านไม่มีการแย้งใดๆ ถือว่าท่านยอมรับการทำทัวร์ดังกล่าว

  • เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ  ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง

  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว  หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง 

  • ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ  บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู

  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น