แกรนด์โมร็อคโก ศิลปะวัฒนธรรม ดินแดนฟ้าจรดทราย อารยธรรมแขกมัวร์ ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลทราย

ทัวร์แกรนด์โมร็อคโก คาซาบลังก้า เมคเนส มาราเกซ ทะเลทรายซาฮาร่า

เที่ยวเต็มวัน ฟรีประกันการเดินทาง ฟรีน้ำหนักกระเป๋าตามที่สายการบินกำหนด ฟรีวีซ่า รวมค่าเข้าสถานที่เที่ยว
รายละเอียด

ทัวร์แกรนด์โมร็อคโก คาซาบลังก้า เมคเนส มาราเกซ ทะเลทรายซาฮาร่า 11 วัน 8 คืน โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวคาซาบลังก้า ราบัติ แทนเจียร์ ถ้ำเฮอร์คิวลีส เตโตอวน เชฟชาอูน เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส เมคเนส ประตูบับมันซู เฟส ป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน สุเหร่าไคราวีน อิเฟรน เออร์ฟูด์ เมอร์ชูก้า นั่งรถ 4WD เมอร์ชูก้า ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลทราย ทินเฮียร์ ทอด้าจอร์ช มากูน่า วอซาเซท ป้อมทาเริท ไอท์ เบน ฮาดดู มาราเกซ มาจอเรล การ์เด้น พระราชวังบาเฮีย


รหัสทัวร์ : GOMA8868
 แกรนด์ คาซาบลังก้า, โมร็อกโก
สายการบินกาตาร์แอร์เวย์
วันที่เดินทาง :
31 ม.ค. 2568 ถึง 10 ก.พ. 2568 ช่วงเวลาอื่น
ราคาเริ่มต้น
USD 4,091
ทำไมต้องจองทัวร์กับเรา
  • ราคาสุดท้ายไม่บวกเพิ่ม
  • รับประกันราคาที่ดีที่สุด
ติดต่อสอบถาม
02 001 5855
จันทร์ - เสาร์ 09:00 น. - 18:00 น.
ตารางการเดินทาง
  • วันที่
    1
    กรุงเทพฯ

    18.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว Q เคาน์เตอร์สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ประตูทางเข้าที่ 8 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับในการตรวจเอกสารและสัมภาระในการเดินทาง
    21.05 น. เหิรฟ้าสู่กรุงโดฮา โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 829

  • วันที่
    2
    โดฮา - คาซาบลังก้า - ชมเมือง - ราบัติ - ชมเมือง

    00.05 น. เดินทางถึงกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ (แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน)
    01.35 น. ออกเดินทางสู่เมืองคาซาบลังก้า โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 4567    
    07.30 น. เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า (CASABLANCA) ประเทศโมร็อกโก (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 6 ช.ม.) นำท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นพบมัคคุเทศก์ท้องถิ่น นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัว “เมืองคาซาบลังก้า” (CASABLANCA) เมืองใหญ่ทางตะวันตกของโมรอคโค ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งในอดีตเป็นเมืองท่าเล็กๆและมาโด่งดังจนเป็นมนต์เสน่ห์ของประเทศแห่งนี้ เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องคาซาบลังก้าได้ถูกฉายออกไป ทำให้เมื่องแห่งนี้โด่งดังจนเป็นมนต์เสน่ห์ของประเทศแห่งนี้ นำท่านเก็บภาพความงามของสุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (HASSAN II MOSQUE) ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว  นำท่านชม “หอคอยฮัสซัน” (HASSAN TOWER) ส่วนหนึ่งของมัสยิดฮัสซัน ซึ่งได้วางแผนไว้ให้เป็นสุเหร่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สามารถบรรจุผู้ที่เข้ามาสวดมนต์ได้พร้อมกันคราวละ 40,000 คน  
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “เมืองราบัต” (RABAT) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม จากนั้น นำท่านชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยการของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนสง่าเฝ้าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 X 139 เมตร จากนั้น นำท่านชม ป้อมไอดูยะ ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ ด้านในเป็นเมดิน่า บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น เหมือนศิลปะบนกำแพง นำท่านชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ซึ่งทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจชมความงามภายนอกของ THE ROYAL PALACE และ MECHOUAR นำท่านชม “หอคอยฮัสซัน” (HASSAN TOWER) ส่วนหนึ่งของมัสยิดฮัสซัน ซึ่งได้วางแผนไว้ให้เป็นสุเหร่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สามารถบรรจุผู้ที่เข้ามาสวดมนต์ได้พร้อมกันคราวละ 40,000 คน ได้เวลาอันสมควร นำท่านชม ป้อมอูดายา (OUDAYA  KASBAH) ป้อมปราการเก่าแก่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเมืองเก่าที่สามารถมองเห็นบ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐโดยทาสีฟ้าขาวอยู่ด้านหลังป้อมปราการ
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : LE DIWAN MGALLERY HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    3
    ราบัติ - แทนเจียร์ - ถ้ำเฮอร์คิวลีส - เตโตอวน

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    นำท่านเดินทางสู่ “เมืองแทนเจียร์” (Tangier) เมืองริมทะเลที่ตั้งอยู่ใต้ช่องแคบยิบรอลตาร์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของแอฟริกาตอนเหนือ ฝรั่งเศส แขกมัวร์ เก็บภาพ Cape Spartel แหลมในโมร็อกโกที่มีความสูงประมาณ 1,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ตรงทางเข้าช่องแคบยิบรอลตาร์
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย นำท่านชม “ถ้ำเฮอร์คิวลีส” (Hercules Cave) ที่เปิดออกสู่มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ โดยตำนานของกรีกหรือโรมันเล่าว่า เฮอร์คิวลีส อาศัยอยู่ที่นี่หลังจากแยกยุโรปออกจากแอฟริกา เขารออยู่ที่นี่เพื่อทำภารกิจ 1 ใน 12 ภารกิจของเขาให้สำเร็จ จากนั้น นำท่านเก็บภาพ Grand Socco หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Place du Avril 1947 จัตุรัสวงเวียนกึ่งวงกลมประวัติศาสตร์ที่แยกเมดินาเก่าออกจากการพัฒนาที่ใหม่กว่าในตัวเมืองแทนเจียร์ จากนั้น นำท่านเก็บภาพ ป้อมปราการเมืองแทนเจียร์(Tangier Kasbah) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนจุดมุ่งหมายหลักของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยือนเองแทนเจียร์ โดยป้อมปราการแห่งนี้เป็นอีกจุดชมวิวที่สำคัญของเมือง ซึ่งท่านสามารถมองเห็นช่องแคบยิบรอลตาได้อีกด้วย ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “เตโตอวน” (Tetouan) เมืองทางเหนือของโมร็อกโก และเป็นหนึ่งในสองท่าเรือหลักของโมร็อกโกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : SOFITEL TAMUDA BAY BEACH, TETOUAN หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    4
    เตโตอวน - เชฟชาอูน - ชมเมือง - เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส  เมคเนส - ประตูบับมันซู - เฟส

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ นครสีฟ้าเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมร๊อกโก เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (RIF MOUNTAIN) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538ปี เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปน และได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ.1956 จนได้รับอิทธิพลวิถีชีวิตและภาษาสเปนในปัจจุบันนี้ นำท่านชมบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูน เป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ สามารถเดินชมบ้านเรือนได้ทั่วทั้งเมือง โดยที่สถาปัตยกรรมของเมืองยังคงเป็นแบบโมรอคโค ซุ้มประตูโค้งจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง และยังมีน้ำพุที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบโมรอคโคให้เห็นได้ตามมุมต่าง ๆ ของเมือง 
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย จากนั้น เดินทางต่อไปยัง “เมืองเมคเนส” (MEKNES) เป็นเมืองหลวงโบราณในสมัย สุลต่านมูเล อิสมาอิล (MOULEY ISMAIL) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (ALAWITE DYNASTY) กษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามใน ค.ศ. ที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเมคเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ นำท่านแวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (ROMAN CITY OF VOLUBILIS) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต เดินทางถึงเมืองเมคเนส นำท่านชมกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู นำท่านชมประตูบับมันซู (BAB MANSOUR MONUMENTAL GATE) ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ซึ่งตกแต่งด้วยโมเสด และกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด  จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ “เมืองเฟส” (Fes)
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : VICHY THERMALIA SPA HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    5
    เฟส - ชมวิวจากป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน - สุเหร่าไคราวีน - ชมเมือง

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    นำท่านเที่ยวชมเมืองเฟส (FES) เมืองหลวงเก่า เมืองซึ่งยังคงมีบรรยากาศของเมืองโบราณ ที่ยังมีผู้คนยังใช้ลาเป็นพาหนะและบรรทุกของกันอยู่ สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองอิมพีเรียลทั้งสี่ ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 7 มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมรอคโค เริ่มด้วยจุดชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน นำท่านเดินเข้าสู่ เขาวงกตอันซับซ้อนแห่ง เมดินาเมืองเฟส ผ่านชม ประตู BAB BOU JELOUD เป็นประตูขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่างเมืองเก่า กับเมืองใหม่ ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆ ชมเมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (MERDERSA BOU IMANIA) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้ โดยมีซอยมากกว่า 9,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่าง ๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็ก ๆ อยู่บริเวณตามทางเดินแคบ ๆ ในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น จากนั้น นำท่านถ่ายรูปพระราชวังของท่านอาบู เอล ฮัดซัน (MOSQUE ABOU EL HASSAN) ซึ่งถือว่าเก่าแก่ที่สุดในโมร๊อกโก และเดินช้อปปิ้งในชุมชนชาวยิวแห่งเฟส  
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย นำท่านเดินชมในเมดิน่าแห่งเฟส ผ่านชม สุเหร่าใหญ่ไคราวีน (KAIRAOUINE MOSQUE) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) จากนั้น นำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก นี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น และผลไม้แห้งอย่างเช่น อินทผาลัม วอลนัท อัลมอนด์ ที่คุณภาพดีและราคาย่อมเยา 
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : VICHY THERMALIA SPA HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    6
    เฟส - อิเฟรน - เออร์ฟูด์ - เมอร์ชูก้า - นั่งรถ 4 WD

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    ผ่านชม เมืองอิเฟรน (IFRANE) เมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิเดลท์ (Midelt) เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาแอตลาส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ของโมร๊อกโก
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย จากนั้น นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองเออร์ฟูด์” (ERFOUD) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน นำท่านเดินทางสู่ “เมืองเมอร์ซูก้าร์” (MERZOUGA) โดยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD (กรุณาแยกสัมภาระสำหรับค้างคืนในทะเลทราย ** หมายเหตุ : หากที่พักในเมอร์ซูการ์เต็ม ทางบริษัทฯ ขอนำทุกท่านพักโรงแรมในเมืองแอร์ฟอร์ดเป็นการทดแทน ***) ทะเลทรายซาฮาร่า “SAHARA” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (MERZOUGA) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ผ่านชมชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึงเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ  
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    พักที่ : KASBAH YASMINA CAMP, SAHARA DESERT LUXURY CAMP หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    7
    เมอร์ชูก้า - ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลทราย - ทินเฮียร์ - ทอด้าจอร์ช - มากูน่า - วอซาเซท - ป้อมทาเริท

    05.00 น. นำท่านขี่อูฐท่อง ทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (MERZOUGA) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า นำท่านสู่เนินทรายอันกว้างใหญ่สุดตาเพื่อรอชม พระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า แสงทองยามเช้าสาดสู่ทะเลทราย เป็นบรรยากาศยามเช้าที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม (อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม) ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    ได้เวลาอันสมควร เดินทางสู่ “เมืองทินเฮียร์” (TINGHIR) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท นำท่านเดินทางสู่ “ทอด้าจอร์จ” (TODRA GORGE) เป็นแหล่งปีนหน้าผา เพราะมีหน้าผาสูงชัน ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิสลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย ให้ท่านได้ชมความอลังการของหุบเขาที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ของโมรอคโค
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย ระหว่างทาง นำท่านแวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบ ณ “เมืองมากูน่า” (Kelaa M’Gouna) ซึ่งเมืองแห่งนี้เองเปนพื้นที่ที่สามารถปลูกดอกกุหลาบได้ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี  จากนั้น เดินทางสู่ “เมืองวอซาเซท” (OUARZAZATE) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ.1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.-เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ จุดกึ่งกลางแห่งนี้ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่าง ๆ ได้ทุกวัน นำชม ถนนคาชบาห์ (KASBAH) ที่มีป้อมหลายร้อยแห่งตั้งเรียงรายตามถนนดังกล่าว นำท่านผ่านชม ป้อมทาเริท “KASBAH TAOURIRT” เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน โดยป้อมหลายร้อยแห่งตั้งเรียงรายตามถนนดังกล่าว
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : OSCAR HOTEL OUARZAZATE หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    8
    วอซาเซท - ไอท์ เบน ฮาดดู - มาราเกซ - ชมเมือง

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “ไอท์ เบน ฮาดดู” (Ait Ben Haddu) ตั้งอยู่บนเส้นทางคาราวานในอดีตระหว่างทะเลทรายซาฮาราและมาราเกซในโมรอคโค เป็นเมืองป้อมปราการ หรือ คซาร์ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อของโมร๊อกโก ถูกสร้างด้วยโคลนดินแห้งสีแดงมีกำแพงล้อมรอบโดยเมืองแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ในปี 1987 
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย นำท่านเดินทางสู่ “มาราเกซ” (MARAKESH)  เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งอยู่แถบเชิงเขาแอตลาส (ATLAS) ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐ ที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อกโก นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วง ค.ศ.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า PINK CITY หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A CITY OF DRAMA นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้  จากนั้น นำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง DJEMAA FNAA SQUARE ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่าง ๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (OLD MARKET) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
    พักที่ : DU GOLF  ROTANA PALMERAIE HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    9
    มาราเกซ - MAJORELLE GARDEN - พระราชวังบาเฮีย - คาซาบลังก้า

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    นำท่านชม MAJORELLE GARDEN หรือ JARDIN MAJORELLE & MUSEUM OF ISLAMIC OF ART ว่ากันว่าเป็นสวรรค์น้อยๆ ย่านเมืองมาราเกช สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม่ดูร่มรื่น กับบรรดากระถางดินที่ศิลปินเจ้าของเดิม JACQUES MAJORELLE ที่สรรหาสีมาป้ายทาทับ ตกแต่งทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สวนแห่งนี้เดิมเป็นบ้านของศิลปินชาวฝรั่งเศส เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขาต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเอาศิลปะของโมรอคโคไว้ และมีมุมสดงงานศิลปะของเจ้าของเดิมเอาไว้ด้วย จากนั้น นำท่านชมความงดงามภายนอกของ มัสยิด คูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร) นำท่านชมสุสานแห่งราชวงศ์ซาเดียน (SAADIAN TOMBS) เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ซาเดียน สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมากกว่า 2 ศตวรรษ ภายหลังได้รับการบูรณะ และเปิดให้เข้าชมความงดงามของงานศิลปะแบบมัวริช (MOORISH) แท้ๆความวิจิตรอลังการของห้องโถงภายใน เสาคอลัมน์หินอ่อนสีสวย ลวดลายงานปูนที่ประดับประดาบนผนังและเพดาน นำท่านเดินทาง เยี่ยมชมพระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการวางแผนก่อสร้างและตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (STUCCO) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก 
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคาซาบลังก้า” (Casablanca) เพื่อเขาสู่ Morocco Mall อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรม
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่ : HILTON GARDEN INN CASABLANCA SUD หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    10
    คาซาบลังก้า - โดฮา

    เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินคาซาบลังก้า 
    16.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 1398 

  • วันที่
    11
    โดฮา - กรุงเทพฯ

    01.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา ประเทศกาตาร์ (เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน)
    02.30 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 836
    12.50 น. เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

มื้ออาหารและที่พัก
วันที่
อาหารเช้า
อาหารเที่ยง
อาหารเย็น
โรงแรม
1
-
2
LE DIWAN MGALLERY HOTEL or Equivalent
3
SOFITEL TAMUDA BAY BEACH, TETOUAN or Equivalent
4
VICHY THERMALIA SPA HOTEL or Equivalent
5
VICHY THERMALIA SPA HOTEL or Equivalent
6
KASBAH YASMINA CAMP, SAHARA DESERT LUXURY CAMP or Equivalent
7
OSCAR HOTEL OUARZAZATE or Equivalent
8
DU GOLF ROTANA PALMERAIE HOTEL or Equivalent
9
HILTON GARDEN INN CASABLANCA SUD or Equivalent
10
-
11
-
ข้อตกลงและเงื่อนไข
  • Full Payment

  • This booking is not confirmed. (Due to change all the time), We'll checking and confirm to the customers within 24 hours

แพ็กเกจนี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-คาซาบลังก้า-กรุงเทพฯ 

  • ค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามระบุไว้ในรายการพร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทางและไม่อนุญาตให้ขับรถเกิน 12ช.ม./วัน 

  • โรงแรมที่พักตามระบุหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน ราคาโรงแรมจะปรับขึ้น 3-4 เท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับงานเทศกาลเทรดแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลที่ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนย้ายเมือง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเป็นหลัก 

  • ค่าวีซ่า และค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่า ทางสถานทูตไม่คืนให้ท่านไม่ว่าท่านจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม 

  • ค่าอาหารที่ระบุในรายการ ให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่น 

  • ค่าบริการนำทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยวให้ความรู้  และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง 

  • ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์) หากท่านอายุเกิน 75 ปี จำเป็นต้องทำประกันเพิ่มเติม

  • ค่าทิปพนักงานขับรถตลอดการเดินทาง 

  • ค่าทิปบริกรในร้านอาหารและพนักงานบังคับอูฐ

  • น้ำดื่มบริการบนรถโค้ช ท่านละ 2 ขวดต่อวัน

แพ็กเกจนี้ไม่รวม
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % 

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์ , ค่าซักรีด , ค่าเครื่องดื่มและอาหารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ 

  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก 

  • ค่าผกผันของภาษีน้ำมันที่ทางสายการบินแจ้งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ ท่านละ 100 บาท ต่อท่าน / วัน (1,100 บาท)

เงื่อนไขการยกเลิก
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  30 วัน - คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยกเว้นกรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุด หรือเงินค่ามัดจำที่ต้อง

  • การันตีที่นั่งกับสายการบิน หรือ กรุ๊ปที่มีการการันตีค่ามัดจำที่พักโดยตรงหรือโดยการผ่านตัวแทนในประเทศ หรือต่างประเทศและไม่อาจขอคืนเงินได้ (ค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง)      

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15 – 29 วันขึ้นไป – เก็บค่าใช้จ่าย 50 % ของราคาทัวร์ 

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1 – 15 วัน – เก็บค่าบริการทั้งหมด 100 %

หมายเหตุ
  • บริษัทฯ จะทำการยื่นวีซ่าของท่านก็ต่อเมื่อในคณะมีผู้สำรองที่นั่งครบ 25 ท่าน และได้รับคิวการตอบรับจากทางสถานทูต เนื่องจากบริษัทฯ จะต้องใช้เอกสารต่างๆที่เป็นกรุ๊ปในการยื่นวีซ่า อาทิ ตั๋วเครี่องบิน ห้องพักที่คอนเฟิร์มมาจากทางยุโรป ประกันการเดินทาง ฯลฯ ทางท่านจะต้องรอให้คณะครบ 25 ท่าน จึงจะสามารถยื่นวีซ่าให้กับทางท่านได้อย่างถูกต้อง 

  • หากในช่วงที่ท่านเดินทางคิววีซ่ากรุ๊ปในการยื่นวีซ่าเต็ม ทางบริษัทต้องขอสงวนสิทธิ์ในการยื่นวีซ่าเดี่ยว ซึ่งทางท่านจะต้องเดินทางมายื่นวีซ่าด้วยตัวเอง ตามวัน และเวลานัดหมายจากทางสถานทูต โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยดูแล และอำนวยความสะดวก 

  • เอกสารต่างๆที่ใช้ในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป ทางสถานทูตเป็นผู้กำหนดออกมา มิใช่บริษัททัวร์เป็นผู้กำหนด ท่านที่มีความประสงค์จะยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป กรุณาจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง และครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าของท่าน บริษัททัวร์เป็นแต่เพียงตัวกลาง และอำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้เป็นผู้พิจารณาว่าวีซ่าให้กับทางท่าน

  • กรณีวีซ่าที่ท่านยื่นไม่ผ่านการพิจารณา และคณะสามารถออกเดินทางได้ ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

  • ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าและค่าดำเนินการ ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณา

  • ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือตั๋วเครื่องบินที่ออกมาจริง ณ วันยื่นวีซ่า ซึ่งตั๋วเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นวีซ่า หากท่านไม่ผ่านการพิจารณา ตั๋วเครื่องบินถ้าออกตั๋วมาแล้วจะต้องทำการ REFUND โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่ท่านต้องถูกหักบางส่วน และส่วนที่เหลือจะคืนให้ท่านภายใน 45-60 วัน (ตามกฎของแต่ละสายการบิน) ถ้ายังไม่ออกตั๋วท่านจะเสียแต่ค่ามัดจำตั๋วตามจริงเท่านั้น

  • ค่าห้องพักในทวีปยุโรป ถ้าคณะออกเดินทางได้ และท่านไม่ผ่านการพิจารณาวีซ่า ตามกฎท่านจะต้องโดนค่ามัดจำห้องใน 2 คืนแรกของการเดินทางหากท่านไม่ปรากฏตัวตามวันที่เข้าพัก ทางโรงแรมจะต้องยึดค่าห้อง 100% ในทันที ทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีเอกสารชี้แจงให้ท่านเข้าใจ

  • หากท่านผ่านการพิจารณาวีซ่า แล้วยกเลิกการเดินทางทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%

  • ทางบริษัทเริ่มต้น และจบ การบริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และจะสำรองตั๋วเครื่องบิน หรือพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ใช้ในการเดินทางมาสนามบิน ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางของบริษัท ฉะนั้นท่านควรจะให้กรุ๊ป FINAL 100% ก่อนที่จะสำรองยานพาหนะ