กระบี่ ต้องรอด

Nuttawadee Butsayabutr

กระบี่ ต้องรอด! ทริปนี้ต้องชื่อนี้จริงๆ เพราะยังไง Cool ต้อง รอดดด~
รอดจากอะไร รอดยังไง บอกเลยแกรเยอะแยะมากมายกันเลยที่เดียว โดยแพลนทริปนี้ในตอนแรกจะมีกันทั้งหมด 4 คน จัดแจกกันเรียบร้อยมากๆว่าจะไปไหนอะไรยังไง สักพักนึงก็มีหนึ่งในสมาชิกติดภาระเรื่องงานเล็กน้อยไม่สามารถลาได้เลยตัดออกไป แต่หลังจากนั้นความพังก็เริ่มมา เกิดความลังเลเล็กๆสำหรับสมาชิกที่เหลือ เอาไงดีว้าาา คนนึงป่วย อีกคนการเงินขาดสภาพคล่อง อีกคนนอนไม่พอหรือจะ"พังทริป" หลังจากเข้าที่ประชุมเรียบร้อยก็ตกลงกันที่...ไปโล้ดดดด Let's Go! เริ่มจัดแจงจองโรงแรมสำหรับคืนแรก และหลังจากกดจองปุ๊ปหายนะมาเยือนปั๊บเลยยยย "ไปไม่ได้แล้ว ใบลาพักร้อนไม่ผ่าน" ฟ๊าคคคคคคคคคคคค ในใจนี่คือแบบเอาจริงดิ แพลนจะพังจริงดิ ไม่เอาสิ่ๆ สรุปด้วยความงกที่จ่ายไปแล้ว ลาก็ลาแล้ว แพลนก็แพลนแล้วก็เลยก็ไปกันสองสาวสวยๆ ยังไงมัน "ต้องรอด" ไปๆ เริ่มออกเดินทางกันค่ะ

ทริปนี้จองไว้ล่วงหน้านานมากกกกกก ด้วยโปร 0 บาท จากแอร์เอเชีย โดยเสียแค่ค่าภาษีสนามบิน รวมๆไปกลับ 500 บาทปัดลงปัดขึ้นนิดหน่อยยย! ทริปนี้เลยความมั่นคงต่ำไปตามระเบียบ เพราะแพลนนานเกิน โดยปกติเป็นพวกปุ๊ปปั๊ปทัวร์ ต้องรอดอย่างที่สองคือการวิ่งค่ะ กะเวลาพลาดไปเล็กน้อยวิ่งกันป่าราบเลยเจ้าค่ะ "ประกาศๆผู้โดยสารกลุ่มสุดท้ายของ แอร์เอเชีย ขึ้นเครื่องได้ละค่ะ " วิ่งกันหูดับตับไหม้กันเลยทีเดียว แต่ก็รอดมาในเวลาฉิวเฉียด เดินทางมากระบี่ด้วยเวลาชั่วโมงเศษๆ บินไฟล์ 5 โมงเย็น 6 โมงครึ่ง เร็วกว่าขับรถจากอโศกไปพระราม2 ในกรุงเทพฯอีกนะครัช....โกโก ลงจากเครื่องเราก็จะเดินทางไปที่พัก ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวนาง ไปด้วยรถ shuttle bus ส่งที่หน้าที่พักเลย ในราคา 150 บาท เดินออกมาจากสนามบินจะอยู่บริเวณด้านหน้าเลย หาไม่ยาก

มาถึงที่พักแล้ว เลือกพักกันที่ โฮลเทล ไซส์กะทัดรัด ก่อนเดินทางเข้าถึง อ่าวนาง ชื่อ Slumber Party Hostel and Bar ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องฝรั่งและปาร์ตี้ ด้วยแพลนตอนแรกมีผู้ชายมาด้วยเลยไม่อะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีกัน 2 สาว ที่ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเลยค่อนข้างมีปัญหาละ เจ้าของหรือพนักงานที่อยู่ตรง Checkin ก็เป็นฝรั่งนะคะ น่าจะเป็นคนรับโทรศัพท์เองด้วย เคยโทรไปได้ยินฝรั่ง ตกใจรีบวางเลยค่ะ แต่โชคดีมีแม่บ้านเป็นคนไทย พี่เขาก็ช่วยแปลละอธิบายว่าที่พักเป็นยังไงอะไรอยู่ตรงไหน

บรรยากาศที่พักเนอะ มีประมาณ 3-4 ชั้น จำไม่ค่อยได้ ก็จะแยกเป็นห้องๆไป โดยห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวม แยกตามชั้น ก็ตามสไตล์โฮลเทลล แต่ก็นะค่อนข้างหวิวๆไปหน่อยสำหรับห้องน้ำ ก็เป็นห้องๆละมีม่านกัน เลยตกลงปลงใจกันที่ไม่อาบนำทั้งเย็นวันนั้นละเช้าอีกวันนึง ก็ที่นี่เป็นโฮลเทลสำหรับสายปาร์ตี้เนอะ ถ้าชอบความสงบอยากนอนสวยๆแนะนำที่อื่น ที่นี่ก็ได้แค่นอน แต่ความคุ้มค่ามันอยู่ที่ราคา 166 บาทถ้วน โคตรคุ้ม เพราะตอนเย็นๆค่ำๆ จะมีปาร์ตี้บาบีคิวเล็ก ป็อปคอนให้ แถมมีอาหารเช้าให้ไปอีก โคตรคุ้มค่าาา ถ้าคิดจะหนีออกจากบ้านคงไปอยู่นี่ 200 บาทรอดดดด! แต่มากัน 2 คนเนอะ ภาษาก็ไม่ค่อยได้ จะออกไปพบปะสังสรรค์ก็กล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าคุย แถมถ้าใครเมาใครจะดูแลใคร เลยแอบเสียดายเล็กๆ ที่ไม่ได้ออกไป อย่างที่บอกแต่ต้นถ้ามีผู้ชายมาด้วยน้องนางนี่จัดเต็มละค่ะ เลยตัดสินใจนั่งอ่านหนังสือ เล่นมือถืออยู่ด้านในโซนนั่งเล่น ละสักพักก็ขึ้นไปพักผ่อน มาถึงที่หลับนอนนน ก็เป็นเตียงสองชั้นเรียงๆกัน มีม่านปิด มีที่ให้เก็บของ มีไฟเล็กๆที่หัวนอน พร้อมปลั๊กให้ชาตแบตตรงหัวนอนเลย คือดี! ก็ค่อนข้างแคบ แต่ด้วยราคาเลยไม่ติดอะไรมากๆ แต่ไม่แนะนำสำหรับคนตัวใหญ่เนาะ ตอนพี่แม่บ้านแนะนำ เขาบอกอยู่ว่าถ้าใครแอบมีอะไรกันบอกได้เลยนะ นี่ยังแอบนึกในใจ ทำอะไรกันได้นี่จะขอคาราวะ 5555 แต่ถึงจะนอนรวม แต่ทุกคนก็สุภาพนะไม่มีการส่งเสียงดัง คุยกันเบาๆ อย่างมากก็แค่เสียงถุงพลาสติกเบาๆ รอดไปอีกวันนึงงงงงง

นัดทัวร์ไว้เวลาประมาณ 8.30 น. เลยตัดสินใจลงมาตอนเช้าประมาณแปดโมงงง เห็นอาหารเช้าวางไว้ เป็นนม ซีเรียล และขนมปัง กล้วยย ก็หยิบเอาเลยยย หยิบของทุกอย่างที่จะกินเสร็จกำลังจะมานั่งกินลมชมวิวเมืองกระบี่ คุณพระคุณเจ้า! รถที่จะพาไปทัวร์มาค่ะ วิ่งสิ่ค่ะ รออะไร มือถือกล้วย ปากคาบขนมปัง ถือเนยอีกมือนึง แบกกระเป๋าอีก คือดีนะที่เขามาล่วงหน้า เรารู้สึกประทับใจ แต่ไม่ทันได้เตรียมใจเจ้าค่ะ ก็วิ่งๆขึ้นรถไปก่อน ลืมบอกรายละเอียดทัวร์ไป ถามว่าหายังไง เราไม่ได้จองก่อน หรือ แพลนค่ะ เดินหาเอาคืนก่อน แล้วลองคุย รู้สึกอันไหนโอเคทั้งราคา และ พื้นที่ก็จัดเลยยย สรุปตกลงเป็น ทัวร์เกาะพีพี ในราคา 700 บาท เราไม่รู้ว่าคนอื่นได้เท่านี้ป่ะนะ คือคนที่นี้ส่วนใหญ่จะเอ็นดูเรากับเพื่อนมาก เพราะเขามองเราเด็กมาก นึกว่าเด็กมัธยมหนีเที่ยวมั้ง ต่ออะไรก็เลยง่าย ขอบคุณ "บาราคัส ทัวร์" มา ณ ที่นี้ ขึ้นรถตู้มาเสร็จก็จัดแจงกินของที่หยิบมา ละได้วิธีกินขนมปังกับเนยแบบใหม่ เนยเป็นเนยกล่องเล็ก ก็เปิดค่ะ ละเอาขนมปังจุ่มแม่งเลยย ง่ายดี

เริ่มออกเดินทางกัน หลังจากออกจากโรงแรมมาแล้ว เขาก็จะมาส่งเราที่อ่าวนาง ละก็ให้สติ๊กเกอร์ตามพื้นที่ที่จะไป ละให้เราขึ้นรถสองแถวเพื่อไปต่อ แต่ตรงนี้ค่อนข้างเสียงเวลานานนมากกว่าจะได้ขึ้นสองแถวเขาคงรอลูกค้าจากหลายโรงแรม รอนานถึงขั้นคิดในใจว่า "ทำไมไม่ให้กูกินข้าวให้เสร็จก่อน" ในสองแถวก็จะมีคนทุกชาติเลยค่ะ ไทย จีน ฝรั่ง เกาหลี สภาพเรากับเพื่อนไม่ต่างจากแรงงานต่างด้าวเลย แต่ยังไงเราต้องรอดค่ะ ต้องไปต่อออ แล้วก็เริ่มเคลื่อนที่ไปยังท่าเรือ

มาถึงท่าเรือแล้ว ในบริเวณนี้จะเป็นจุดส่งคน ให้ไปขึ้นเรือไปยังเกาะต่างๆต่อ ก็มีเกือบจากทุกทัวร์ ก็ระวังหลงหน่อย เดินตามผู้นำทัวร์ ผู้นำทัวร์ของบาราคัสทัวร์ จะเรียกลูกทัวร์ทุกคนว่า "My family" เขาก็จะผู้แนะนำไปไทยคำอังกฤษคำ จีนคำ หลังจากขึ้นเรือเรียบร้อยก็ออกเดินทาง....

นี่คือสภาพทัวร์ ค่อนข้างแน่นอยู่นิดโหน่ย ก็เพื่อกำไรสูงสุดเนอะ ซึ่งขึ้นไปหลังสุดด เลยได้ไปนั่งข้างในเรือ โคตรจะไม่แนะนำ เพราะมันอับ อากาศไม่เข้าถึง และ รับแรงกระแทกเรือสูง มีส่วนทำให้เมาเรือ นั้นแหละครับ ก็อ้วกกันไปตามระเบียบ โดยที่จากจุดปล่อยเรือ ไปถึงจุดแรกใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็เกือบตายอยู่ดันไปอยู่จุดอับ ในจุดแรกสติไม่ค่อยมีจำชื่อไม่ค่อยได้ เอาจริงๆก็จำอะไรไม่ได้ 5555 ทะเลใต้สวยจนเพลิน จุดแรกทางทัวร์จะปล่อยให้ดำน้ำบริเวณเรือ คือน้ำใส ปลาเสือเยอะ ทะเลสวยมากกกก สวยโคตร แต่นี่ได้ลงไปดำคนเดียว เพื่อนเมาเรือนัก มาก ใจนึงก็ห่วงเพื่อนนะ แต่ก็ขอลงไปหน่อยมาทั้งที แต่บริเวณที่ได้ดำไ่ม่มีปะการัง มีแต่ปลาเสือ ละก็เดินทางไปจุดที่สองต่อ จำชื่อไม่ได้อีกแล้วววววววว ฮือออ สติหลุด

เดินทางไปต่อยังเกาะต่างๆ โดยเรือที่มาส่วนใหญ่จะมาทั้งจากกระบี่ และ ภูเก็ต ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่าวชาติ สภาพอากาศโดนรวมคนแถวนั้น บอกว่าเราโชคดีมาก เขาบอกปกติหน้า low แทบจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะได้ขึ้นเกาะมั้ย ยิ่งช่วงพายุแบบนี้ เราไปคืออากาศดี ลมเย็น ถึงคลื่นจะแรง ละมีฝนตกปรอยๆบ้างแต่ไม่เป็นอุปสรรคการเดินทาง นับว่าเป็นเรื่องดีดีของทริปนี้อย่างมาก..... Gogo

เดินทางไปต่อกันที่ เกาะมาหยา เกาะที่เป็นที่นิยม ทรายละเอียดนุ่มเท้า และพื้นน้ำสีเขียวมรกต ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าโคตรฟิน รู้สึกหายเหนื่อยลืมเรื่องการเดินทางมาทั้งสิ้น การที่ได้เห็นฝั่งอ่าวมาหยาคือโคตรฟิน เมื่อมาถึง หันกลับไปมองด้านที่เดินทางมายิ่งฟินหนัก ยอมรับในความคุ้มค่าาาา อ่าวมาหยา นี่สวยจริงสวยจัง น้ำสีฟ้าแบบฟ้ามากกก ละใสยิ่งตัดกับภูเขาสีเขียวคือสวยมาก จุดนี้จะมีที่เข้าห้องน้ำ และจุดซื้อขนม ซึ่งราคาแพงมาก โค้กกระป๋องละ 60 บาท นั่งกลืนน้ำลายกันต่อไป.. จุดนี้คนจะค่อนข้างเยอะมากทีเดียว แต่คนแถวนั้นบอกนี่น้อยแล้วปกติแทบจะไม่มีสเปซกว้างขนาดนี้ เพราะทุกทัวร์ก็จะนำมาปล่อยให้เที่ยวกันในจุดนี้ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีด้วยกัน และจะปล่อยไปยังจุดต่อไป อ่าวมาหยา เป็นจุดเดียวละมั้งที่ได้ถ่ายรูปเยอะแยะ อยู่บนเรือหรือดำน้ำ นี่ถือขึ้นมาลำบากมากก ก็พยายามเก็บรูปความประทับใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้มาเนอะ ทะเลนี่มันเด็ดจริง  หลังจากนั้นก็ไปอีกสองสามเกาะ ไปเรื่อยๆ พูดเลยว่าจำไม่ค่อยได้ ประทับใจกับความสวยอยู่  

ภาพนี้กว่าจะได้มันมา คือเพื่อนเอากล้องเลนส์ฟิกไป กะหลังละลายไง แต่ด้วยความที่มันฟิกมาก อยากเก็บฟ้า กับภูเขา และน้ำทะเล แต่ๆด้วยความฟิกอย่างที่เห็น ภูเขามาสองลูกใหญ่เลยค่ะ

อ่าวสุดท้ายก่อนกลับ อ่าวนาง ที่นี่ชื่อว่า "อ่าวไผ่" แต่เพื่อนกับเราลงความเห็นว่า น่าจะชื่อ "อ่าวสน"มากมาย ทรายละเอียดนุ่มเท้ากว่าที่อื่นๆ ส่วนใหญ่จะนิยมมานอนอาบแดด ถ่ายรูปกัน ถ้าใครอยากดำน้ำอีก ก็สามารถดำได้ที่จุดนี้อีก ลืมบอกไป ก่อนจะมานี่ เรือจะแวะให้กินข้าวที่เกาะ พีพีดอนก่อน โดยอาหารจะเป็นบุฟเฟต์ที่มาพร้อมกับทัวร์ที่จองมาเที่ยว อาหารก็กลางๆ แต่แอบหมดละไม่เต็ม แต่ไม่ติดอะไร เพราะทั้งเพื่อนและเราเมาเรือนิดหน่อย กินได้น้อยมาก หิวนะ แต่ไม่ไหววแล้ว ร่างกายเริ่มบอก แต่ใจยังสู้! พอมาถึงอ่าวไผ่ก็เดินเล่นถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็นั่งพัก แต่ไม่ได้ลงไปดำน้ำ เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ แนะนำสำหรับคนจะมา ขอให้นอนให้พอ และเตรียมอะไรเปรี้ยวๆมาด้วยเพื่อเมาเรือ....

หลังจากเดินกันจนเหนื่อย เลยมานั่งพัก ใกล้ๆกับพี่คนดูแลทัวร์ พี่เขามีเพื่อนนั่งอยู่ด้วย เลยได้นั่งคุยกันปะปราย พี่ๆทั้งสองไม่เชื่อว่าเราสองคนอายุ 24 แล้ว เขาบอกว่าถ้ามาอยู่กระบี่นะ สวยขนาดนี้จิตใจขนาดนี้ เขาจับแต่งงานกันไปหมดแล้ว แล้วเขาก็ชวนมาอยู่กระบี่ ช่างสวยหนักจริงๆ คุยกันไปสักพัก ก็เรียกกลับเรือ เพื่อกลับไปยังอ่าวนาง 
กลับมาถึงบริเวณจุดลงเรือ เขาก็จะแยกว่าใครจะกลับไปโรงแรมไหนอะไรยังไง เพื่อจะได้แบ่งรถไปส่ง พี่ที่ดูแลทัวร์หันมาถามว่า จะไปไหนกันต่อ เราสองคนก็ตอบไป ยังสรุปไม่ได้ ส่งอ่าวนางก่อนก็ได้ นางก็แบบ ยังไม่รู้จะไปไหน ไปบ้านพี่ไป ตามมาๆ ยังงี้ก็ได้หรอ ฮะๆ เลยคิดอีกที แล้วตอบไปว่า จะนั่งเรือไป "หาดไร่เลย์ ไปยังไง" นางก็อ่ำ บอกเส้นทางนั้นเรือล่มประจำนะ ต้องรอดๆสิ่ต้องรอดคิดในใจ นางก็จัดแจงให้เราขึ้นรถ แล้วบอกให้ไปส่งที่ไหน

รถมาจอดให้ตรงที่ ท่าเรือ อ่าวนาง ซึ่งเรือจอดไกลมากกก อ่านจากรีวิวก็นะ เขาบอกว่าถ้าน้ำลง ต้องเดินผ่านน้ำทะเลแล้วไปขึ้นเรือเอง เพราะเรือไม่สามารถเข้ามาได้ ราคาเรือไป "หาดไร่เลย์" อยู่ที่ 100 บาทถ้วน รอครบ 8 คนละออก สภาพกว่าจะขึ้นเรือได้คือแย่ ลุยน้ำเละเทะกันเลยย ลุงเจ้าของเรือก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ เรือก็ให้ปืนขึ้นเอง ดีดี๊ เขาบอกกันว่าถ้าอยากไปดีดีหน่อย ให้ไปขึ้นที่ท่า อ่าวน้ำเมา ก็ไม่รุนิอยู่ตรงไหน ก็ไปทางนี้แหละ ชิลๆ รอดๆอยู่มั้ง ตลอดทางนั่งลุ้นตลอดๆ ว่าเรือจะล่ม แต่ก็ถึงโดยสวัสดิภาพ หาดไร่เลย์ ถือเป็นจุดสงบ คนนิยมเขามาพักผ่อน และเป็นจุดปืนผา เราเลือกพักกันที่ ไร่เลย์ภูตะวัน รีสอร์ท เอาตรงๆก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ลงเรือปุ๊ป โทรถาม พี่คะๆ โรงแรมพี่เดินไปยังไงหว่า พี่อย่าวางนะ คุยกับหนูไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่เขาก็ดีนะยอมคุยด้วย ก็เดินกันไปเรื่อยๆ แต่โคตรเหนื่อย เพราะโรงแรมอยู่จุดบนๆของภูเขา ความตั้งใจของการเลือกพักที่นี่ คือ การเห็นวิวสระว่ายน้ำ แต่ๆ เฮโหลลลล ได้ห้องที่ไม่ติดสระว่ายน้ำค่ะ ไม่ได้แม้แต่มองเห็นสักนิด แถมห้องสัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง จะคุยจะเล่นต้องเดินมานอกห้อง เลยไม่ได้มีรูปมาฝากกัน เลยนอนกันไปยาวๆ ตื่นมาอีกทีกินข้าว ระหว่างกินข้าว เลยคุยกับน้องเด็กเสริฟ์ว่าไปเที่ยวไหนได้บ้าง น้องก็แนะนำแล้วชวนไปเที่ยวด้วยกัน บอกมีเพื่อนฝรั่งอีก 7-8 คน ไปด้วยกันได้ แต่ต้องรอเขาเลิกงานก่อน ซึ่งตอนแรกลังเลมากนะ อย่างที่บอกมากัน 2 คน เลยระแวงไปหมด แต่สุดท้ายก็ตอบ ตกลงไป น้องพามาที่ร้านร้านนึง จำชื่อไม่ได้อีกแล้วว ที่นี้จะมีโชว์มวยไทย อย่างในรูปประมาณ 4ทุ่มครึ่ง ฝรั่งชอบมาก เป็นครั้งแรกที่ได้ดูมวยไทยแบบใกล้ชิด ลืมเล่าเรื่องที่โต๊ะไป ทั้งโต๊ะที่ไปนั่งคือฝรั่งทั้งหมด คือทุกคนเฟรนมาก พยายามคุยด้วย แต่นั้นแหละ แอบเสียดายที่โง่ภาษาอังกฤษ ไม่งั้นคงสนุกมาก ตัวน้องเด็กเสริฟ์เองก็เทคแคร์ดีมาก ค่อยช่วยแปล คุยด้วย สั่งของให้กิน 

โชว์ถัดจาก มวยไฟ เป็นควงกระบอกไฟ สร้างความฮือฮาได้แบบ หูยยยย ประทับใจ น้องตัวเล็กๆก็ควงได้ ควงกันประมาณ 30 นาทีได้ สร้างความฮือฮาได้ตลอดจริงๆ หลังจะโชว์จบ จะเป็นดีเจเปิดแผ่น ก็สนุกสนานกันไป แต่เรากับเพื่อนขอตัวกลับมาก่อน เพราะ เหนื่อยจากทั้งวันมามากจริงๆ ก่อนเดินทางกลับ ไปยังอ่าวนาง เลยแวะว่า ถ้ำพระนาง ที่อยู่ก่อนถึงทางไป โรงแรม เดินชมธรรมชาติหินย้อย ที่ทั้งสวยและทั้งน่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน แอบสงสัยนิด ทำไมต้องทำทางเป็นซีๆโค้งๆมันเดินยากงะ ทำไมไม่ทำเรียบๆน่าจะง่ายมากกว่าอีก แต่ก็นะเขาอาจจะอยากให้เข้ากับบรรยากาศ... หลังจากชมธรรมชาติ ก็เดินทางกลับอ่าวนาง และเดินตะลอนหาที่พักในคืนสุดท้าย ก่อนกลับกรุงเทพฯ

ออกเดินทางไปกลับไปอ่าวนาง ก็คุยตกลงกันว่าถ้าถึงอ่าวนางปุ๊ป เราจะเดินหารถตู้ที่ไปสนามบินรอบเช้าสุด เพราะ ไฟท์เรารอบ 7.35 กลัวไม่ทันมากๆ เราก็เดินหากันทั่วๆอ่าวนาง ได้มาในราคา 150 มารับ 6 โมงเช้า ถือว่าราคาโอเคมาก ปกติ การนั่งเรือกลับมา และอาการเหนื่อยสะสม ทำให้เราตัดสินใจมานั่งพักกันใน เบอร์เกอร์คิงก่อนว่าจะเอาไงต่อ นั่งกินเบอร์เกอร์นู้นนี้ แล้วจะนอนไหนหวะ เออ!นั้นสิ่ เลยตัดสินใจจองผ่านเว็ป ได้มาในราคา 1100 บาท เดินไปนิดนึง ถือว่าโอเค ข้อดีของที่นี่คือมีสระว่ายน้ำเนอะ เลยขึ้นไปพักผ่อน ละลงมาว่ายน้ำ เช้าวันถัดมาก็กลับกรุงเทพอย่างสวัสดิภาพ กระบี่คือดีมากๆ ชอบมากนะ ชอบที่ได้ฟิวส์ผจนภัยเล็กๆ และแอบภูมิใจที่ไปกัน 2 คน แต่ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง เรื่องที่เล่าในนี้อาจจะเล่าไม่หมดด้วยซ้ำ และไม่เท่าประสบการณ์จริงที่ได้เจอ เราประทับใจคนกระบี่มาก ที่ให้ความช่วยเหลือ ค่อยแนะนำว่าไปไหนอะไรยังไง และที่สำคัญเราไม่โดนโกงค่าอะไรเลย ค่ารถค่าเรือ เป็นไปตามราคามาตรฐาน อาจจะโมโหค่าโรงแรมไปบ้างแต่ก็เข้าใจ ทริปนี้ใช้เงินไปรวมๆ 3500 บาท ถือว่าคุ้มมาก อาจจะไม่ได้พักดี พักหรูหราา แต่ก็นอนหลับ อาหารอร่อย ถึงจะกินไม่ค่อยได้ เพราะความเหนื่อยล้วนๆ ถ้ามีโอกาสคงไปเยี่ยมทะเลใต้อีกกกก