เช็คราคาและจองทัวร์สหรัฐอเมริกา 2568 ราคาถูก แพ็กเกจเที่ยวสหรัฐอเมริกา

ทัวร์สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพและความหลากหลาย

สหรัฐอเมริกาสามารถเรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงเป็นลำดับแรก ๆ หากนึกถึงประเทศนี้ แล้วเพราะเหตุผลอะไรบ้างละ? ถึงทำให้อเมริกาถูกขนานนามไว้ว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ คำว่า “เสรีภาพ” ในความเข้าใจของคนทั่วไปคือ เรามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้หากอยู่บ้านเรา แน่นอนว่าการทำอะไรก็ได้ มันก็มีข้อจำกัดในเรื่องอื่น ๆ อยู่มากมายนอกเหนือจากเรื่องของกฎหมาย เช่น จารีต ประเพณี ความเชื่อ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเรามักจะเห็นความสร้างสรรค์แบบสุดขั้ว ไปจนถึงความห่ามแบบสุโต่งจนน่ากลัวบนโลกอินเทอร์เน็ต เพราะทุกคนนั้นมีสิทธิเสรีภาพในการทำอะไรก็ได้ บนพื้นฐานคำว่าสิ่งเหล่านั้น “ต้องไม่ผิดกฎหมาย”

ดังนั้น การมีสิทธิเสรีภาพของคนในสหรัฐอเมริกา จึงต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ และจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ว่าคนอเมริกันล้วนเคารพกฎหมายมากกว่าที่ไทยมาก เป็นผลมาจากส่วนหนึ่งยอมรับความพร้อมของทีมงานบังคับใช้กฎหมายด้วย และเมื่อการบังคับใช้กฎหมายดี ทุกคนก็เกิดความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน ว่าหากทำตามกฎหมายแล้ว ก็จะได้เสรีภาพเต็มที่เนื่องจากมีกฎหมายและผู้บังคับกฎหมายคุ้มครองอยู่

นอกจากนี้ คนอเมริกันก็ยังเชื่อในเรื่องความแตกต่างและความหลากหลาย เพราะเอมริกาหลังจากถูกบุกเบิกโดยชาวยุโรป ก็พบว่าเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ และมีการแบ่งออกเป็นรัฐ แยกย่อยออกมาอีกเป็นมลรัฐ เป็นเมืองทับซ้อนไปอีกมากมายตามหน้าประวัติศาสตร์ ทำให้ประเทศนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมาก เช่น ชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง และคนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั่งรกรากที่อเมริกา เป็นต้น จึงทำให้ประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์เยอะมาก ซึ่งสงผลถึงความแตกต่างทางด้านความคิด ความเชื่อ พิธีกรรม วัฒนธรรม แต่สิ่งที่เหมือนกันบนความแตกต่างนี้ พวกเค้าต่างก็เชื่อว่าคนเรามีความแตกต่างกันได้ เพราะความแตกต่างไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ผิด เป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ และเมื่อยอมรับในความแตกต่างกัน เสรีภาพของทุกคนจึงบังเกิดขึ้น

สถานที่เที่ยวน่าน่าสนใจ เมื่อไปเที่ยวทัวร์สหรัฐอเมริกา

1. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Library) มาเยือนประเทศที่ถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีพภาพ ก็ต้องมาเยือนอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ขาวอเมริกกาได้รับมอบเป็นของขวัญจากชาวฝรั่งเศส เนื่องในวาระเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ซึ่งผู้มาเยือนนอกจากได้ชมความงดงามอลังการของเทพีเสรีภาพแล้ว ยังสามารถล่องเรือเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของมหานครนิวยอร์กได้อีกด้วย

2. ออร์แลนโด (Orlando) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของรัฐฟลอริดา จัดเป็นเมืองแห่งความสุข เพราะภายในเมืองเต็มไปด้วยสวนสนุก โดยเฉพาะ วอลต์ดิสนีย์เวิลด์ (Walt Disney World) ที่มีขนาดใหญ่ถึง 121.7 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับเมืองหลวงของซานฟรานซิสโกเลยทีเดียว นอกจากนี้ ก็ยังยังมีย่านดาวน์ดาวน์ และศูนย์อวกาศเคนเนดี (John F. Kennedy Space Center) ให้ไปเยี่ยมอย่างจุใจ

3. ลาสเวกัส (Las Vegas) ใครที่รักการเสี่ยงโชค ต้องไปเยือนลาสเวกัส ซึ่งเมืองแห่งนี้ มีชื่อเล่นว่า “เมืองแห่งบาป (Sin City)” และถึงแม้ลาสเวกัสจะตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายแห้งแล้ง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวไปเยือนตลอดเวลา เนื่องจากภายในเมืองเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงแรม 5 ดาว พร้อมคาสิโนอีกมากมาย ที่สำคัญ โรงแรมส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่บนถนน The Strip ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงของลาสเวกัสอีกด้วย

4. ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) มีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า L.A จัดเป็นเมืองทางด้านความบันเทิงอีกแห่ง เพราะเมืองแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของโรงถ่ายภาพยนตร์มากมาย เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอเมริกาเลยทีเดียว สังเกตุได้จากย่านฮอลลีวูด (Hollywood) ที่มีถนนรูปดาวพร้อมด้วยชื่อบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทั่วโลกเขียนไว้ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นที่ตั้งของโรงละคนจีน (Chinese Theatre) และสถานที่จัดงานออสการ์ด้วยเช่นกัน ส่วนใครที่อยากสัมผัสชายหาดและทะเล ก็ต้องไปเยือน ชายหาดซานตาโมนิกา (Santa Monica Beach) หาดเวนิส (Venice Beach) และหาดมาลิบู (Malibu Beach) เป็นต้น

5. อุทยานแห่งชาติ (Yellowstone) จัดเป็นอุทยานแห่งชาติที่แรกของอเมริกา และยังอุยานแห่งแรกของโลกอีกด้วย ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดตั้งอยู่บนที่ราบสูงในเขตของเทือกเขาร็อคกี้ ที่กินพื้นที่มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์ เป็น ทำให้ภายในเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะบ่อน้ำร้อน ที่มีน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง นอกจากนี้ ก็ยังมีสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้ชมกัน เช่น หมีกริซซี่ (Grizzy Bear) หมีดำ (Black Bear) ควายป่าไบซัน กวางมูส (Moose) กวางเอลค์ (Rocky Mountain Elk) แพะภูเขา บิ๊กฮอร์น (Bighorn sheep) แมวปา (Lynx) รวมถึงพันธุ์นกอีกมากกว่า 250 ชนิด

6. ถ้ำน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ (Mendenhall Ice Caves) หรือเรียกว่าอุโมงค์น้ำแข็งแห่งอลาสก้า เป็นถ้ำที่มีธารน้ำแข็งสวยงามจำนวนมาก ที่ทอดยาวออกไปเป็นระยะกว่า 12 ไมล์ (19 กิโลเมตร) ซึ่งเกิดขึ้นมากว่า 1,000 ปีแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนต้องพายเรือคายัคเข้าไปในถ้ำเท่านั้น เพื่อชมความงามของเพดานและผนังที่เป็นน้ำแข็งบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายอยู่บ้าง เพราะถ้ำแห่งนี้ เริ่มละลายลงไปในหลายส่วนจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้น ใครที่อยากชมก็ต้องเร่งมือหน่อย ก่อนที่มันจะละลายหายไปจนหมดสิ้น

อาหารที่ต้องลองเมื่อไปเที่ยวทัวร์สหรัฐอเมริกา

1. Buffalo Wings เป็นปีกไก่ทอดชื่อดังที่สุดในอเมริกา ดังถึงขนาดที่ว่ามีเทศกาล Buffalo Chicken Wing Festival เลยทีเดียว

2. Macaroni and Cheese จัดเป็นวัตุดิบพื้นฐานของอเมริกา ซึ่งเมนูนี้เกิดขึ้นจากประธานาธิบดี Thomas Jefferson ที่หลงใหลในเมนูเส้น แล้วได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยุโรป จนเจอเข้ากับ macaroni จึงได้หยิบกลับมาแล้วให้แม่ครัวทำให้กิน สุดท้ายเมนุนี้ก็ถูกบรรจุลงไปในอาหารมื้อเย็นของทำเนียบขาวโดยปริยาย

3. Philly cheese steak เมนูชนิดนี้ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายแซนวิช แต่จะมีใส้ที่อัดแน่นมากกว่า โดยเฉพาะหอมใหญ่ ชีสและเครื่องเทศนานาชนิด จากนั้นราดด้วยซอสตามลงไป

4. Reuben sandwich เป็นแซนวิชนั่นเอง แต่ก็เป็นแซนวิชที่มีความหนามาก โดยเฉพาะเนื้อเน้น ๆ และแผ่นขนมปังชิ้นโต

5. Thanksgiving dinner เมนูนี้ คืออาหารค่ำที่นิยมทานกันเป็นครอบครัว ซึ่งถือเป็นประเพณีดั่งเดิมของชาวอเมริกา ประกอบไปด้วยไก่งวงอบตัวใหญ่ พร้อมด้วยเครื่องเทศหลากหลาย ไส้กรอก มันฝรั่งทอดและอื่น ๆ อีกมากมาย

เรื่องราวน่ารู้ เตรียมพร้อมก่อนไปเที่ยวทัวร์สหรัฐอเมริกา

1. ห้ามเรียกคนผิวดำว่า นิโกร, นิกเกอร์ หรือนิกก้า และหลีกเลี่ยงการอธิบายเกี่ยวกับสีผิว เพราะคนอเมริกาซีเรียสในเรื่องการเหยียดสีผิวกันมาก
2. น้ำเปล่ามีราคาแพงกว่าน้ำอัดลม
3. ไวไฟฟรี มีให้ใช้แทบทุกที่ โดยเฉพาะตามห้างร้านใหญ่ ๆ ร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ
4. ในเมืองใหญ่ค่าโดยสาร Taxi จะมีราคาแพงมาก
5. อายุไม่ถึง 21 ปี ห้ามซื้อแอลกอฮอล์และควรพก passport ติดตัวไปด้วย

ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เที่ยวทัวร์สหรัฐอเมริกา ที่สหรัฐอเมริกามี 4 ฤดูกาลดังนี้

1. ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
2. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
3. ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
4. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)

เมื่อมาเที่ยวสหรัฐอเมริกา ของฝากที่ควรซื้อจากสหรัฐอเมริกา

1. รองเท้าผ้าใบ รองเท้าแบรนด์ดังยอดฮิตสำหรับอเมริกาก็หนีไม่พ้น Nike และ Adidas ซึ่งที่อเมริกามีราคาที่ถูกกว่าที่ไทยแบบครึ่งต่อครึ่ง โดยราคาที่นี่จะตกอยู่คู่ละประมาณ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น
2. สินค้าจากนาซา องค์กรอวกาศขึ้นชื่อดังของอเมริกา ซึ่งมีหลากหลายให้เลือก ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า หมวก และอื่น ๆ อีกมากมาย
3. กระเป๋า กระเป๋าสัญชาติอเมริกาอย่าง Coach และ Marc Jacobs นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่นี่มีวัน Black Friday ซึ่งเป็นวันที่ราคาสินค้าจะถูกเป็นพิเศษ
4. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์หรือเครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นของขึ้นชื่อจากอเมริกา เนื่องจากที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพและการใช้งาน โดยเฉพาะแบรนด์ยอนิยม อย่าง Apple (MAC) Ipod Iphone, กล้องของ Canon, Nikon Gameboy Nintendo สำหรับเหล่าเกมเมอร์ GPS Navigator เหมาะกับนักเดินทาง
5. ของพื้นเมืองชนเผ่าอินเดียนแดง ใคร ๆ ก็รู้ว่าก่อนที่ชาวยุโรปจะอพยพมาตั้งรกรากกันบนแผ่นดินแห่งนี้ ก็มีชาวอินเดียนแดงเป็นผู้อยู่อาศัยมาก่อนแล้วเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปี ทำให้สินค้าอินเดียนแดงเป็นสิ่งที่น่าในใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ เครื่องรางดักฝัน ของขึ้นชื่อยอดนิยม นอกจากนี้ ก็ยังมี รองเท้าหนังเสื้อหนัง เครื่องประดับศีรษะ หรือเครื่องปั้นดินเผาที่เขาเรียกว่า Acoma Pottery และอื่น ๆ อีกมากมาย