อิตาลีใต้ 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี ชมเมืองมรดกโลก และหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี

ทัวร์อิตาลีใต้ บินตรงสู่กรุงโรม ชมเมืองมรดกโลก และเส้นทางอมัลฟีมรดกโลก

บินตรง เที่ยวเต็มวัน ฟรีประกันการเดินทาง ฟรีน้ำหนักกระเป๋าตามที่สายการบินกำหนด รวมค่าเข้าสถานที่เที่ยว
รายละเอียด

ทัวร์อิตาลีใต้ บินตรงสู่กรุงโรม ชมเมืองมรดกโลก 10 วัน 8 คืน โดยสายการบินอิตา แอร์เวย์ (AZ) เที่ยวกรุงโรม เนเปิ้ล เข้าชมเมืองโบราณปอมเปอี เมืองซอร์เรนโต้ นั่งเรือเฟอร์รี่สู่เกาะคาปรี บลูกร๊อตโต นั่งรถรางสู่จัตุรัสอูมแบร์โต สวนออกัสตุส เนเปิ้ล อมัลฟี่ พอซิตาโน ราเวลโล วิลล่า รูโฟโล (สวนแสนสวย) ซาเลอร์โน (เส้นทางอมัลฟีมรดกโลก) ชมฟาร์มชีสบูร์ราต้า ชมเมืองเลชเช่ เซอร์ลาโนเปสตุม คาสเทลเมสซาโน มาเทร่า ชมเมืองโบราณมาเทร่า (มรดกโลก) ชมเมืองโบราณอัลเบลโรเบลโล่ (มรดกโลก) อัลเบลโรเบลโล่ ออสตูนี (เมืองสีขาว) ชมเมืองบารี ช้อปปิ้ง โพลิคญาโน เอ แมร์ ชมเมืองบารี


รหัสทัวร์ : GOIT9733
 ลอมบาร์ดี, อิตาลี
สายการบินไอทีเอแอร์เวย์
ราคาเริ่มต้น
THB 145,900
ทำไมต้องจองทัวร์กับเรา
  • ราคาสุดท้ายไม่บวกเพิ่ม
  • รับประกันราคาที่ดีที่สุด
ติดต่อสอบถาม
02 001 5855
จันทร์ - เสาร์ 09:00 น. - 18:00 น.
ตารางการเดินทาง
  • วันที่
    1
    ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – กรุงโรม

    09.00 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาท์เตอร์สายการบินอิตา แอร์เวย์ส (ITA Airways สายการบินประจำชาติอิตาลี) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
    12.05 น. ออกเดินทางสู่โรม โดยสายการบินบินอิตา แอร์เวย์ส (ITA Airways) เที่ยวบินที่ AZ759(บินตรง)
    19.20 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติฟูมิชิโน(กรุงโรม) ประเทศอิตาลี หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว / นำท่านเข้าสู่ที่พัก
    พักที่: HOLIDAY INN FIUMICINO HOTEL / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    2
    กรุงโรม – เนเปิ้ล – เข้าชมเมืองโบราณปอมเปอี - ชมเมืองซอร์เรนโต้

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    นำท่านเดินทางสู่ “เมืองโบราณปอมเปอี” (Pompei) นำท่านชมเมืองโบราณ 2,000 ปี ที่ถูกทำลายโดยลาวาของภูเขาไฟ วิโซเวียส ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้ระเบิดเอาดินโคลนเถ้าถ่าน และหินละลายทับถมจมลงไปในดินในชั่วเวลาไม่กี่นาทีเมื่อ พ.ศ.662 ประชาชนนับหมื่นต้องถูกฝังทั้งเป็นตายด้วยความทุกข์ทรมาน โดยไม่มีโอกาสหนีรอดออกมาได้เลย และปอมเปอี ก็ถูกลืมไปจากความทรงจำของชาวโลกต่อมาได้มีการฟื้นฟูศึกษาประวัติศาสตร์โบราณชื่อปอมเปอีจึงถูกค้นพบแต่ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ไหน จนกระทั่ง พ.ศ.2291 ได้พบร่องรอยของซากเมือง เมื่อรื้อดินที่ทับถมออกมาหมดแล้วก็พบซากเมืองที่ใหญ่โต และสร้างด้วยหินอย่างแข็งแรง บางแห่งพบซากชาวปอมเปเอียน และสัตว์เลี้ยงของเขาที่ตายกลายเป็นหินยังคงสภาพเดิมทุกประการ แต่ทว่าภาพนั้นจะเห็นลักษณะของความหวาดกลัวต่อความตายได้เป็นอย่างดีบางคนนั่งเอามือปิดหน้าตายบางคนนั่งซบกับกำแพงบ้านตายก็มีปอมเปอีจึงได้ชื่อว่า “ซากเมืองแห่งความตาย” 
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย หลังอาหารเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้  (SORRENTO) ที่มาของเพลง “คัมแบค ทู ซอร์เรนโต้ ” เป็นเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะเวลาตอนที่พระอาทิตย์อัสดงด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวและถนนค่อนข้างแคบทำให้เราได้ชมความสวยงามตลอดเส้นทางจนถึงเมืองซอร์เรนโต้(รถจะขับช้า) จากนั้นนำท่านชมเมืองซอร์เรนโต้ เมืองตากอากาศเล็กๆ ริมทะเล ตัวเมืองซอร์เรนโตนั้นตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึงระนาบเดียวกันกับชาย หาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย และมีชายฝั่ง Amalfi ที่เลียบริมทะเลไปตามหน้าผายาวถึง 50 กม. นำท่านชมจัตุรัสทาซโซ่ (Piazza Tasso) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสที่เต็มไปด้วยสีสันของร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนสายที่ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้งสตรีทอันมีชื่อเสียงของเมืองซอร์เรนโต้ พร้อมทั้งยังได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนพื้นเมืองที่นิยมมานั่งจิบกาแฟ หรือมานั่งพูดคุยสังสรรค์กันในร้านอาหาร นำท่านชมบริเวณโดยรอบจัตุรัสทาซโซ่ ที่เต็มไปด้วยโบสถ์ วิหาร ที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาร๊อค อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จากนั้นมีเวลาให้ทุกท่านเดินเล่นชมความงดงามของอ่าวเนเปิ้ลจากบริเวณสวนวิลล่า โคมูนาเล่ (Villa Comunale Park, Sorrento) เป็นสวนสไตล์อิตาเลียนใต้ที่สวยงามเป็นจุดชมวิว ภูเขาไฟวิสุเวียส เป็นจุดยอดนิยมสำหรับนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน มีม้านั่ง, โรงละครโอเปร่า สวนสาธารณะแห่งนี้ก็เหมาะสำหรับทุกวัยจริงๆ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่คุณต้องไปเยี่ยมชมเมื่ออยู่ในซอร์เรนโต
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก 
    พักที่: HOLIDAY INN NAPLES, BEST WESTERN PLAZA หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    3
    เนเปิ้ล – นั่งเรือเฟอร์รี่สู่เกาะคาปรี – บลูกร๊อตโต - นั่งรถรางสู่จัตุรัสอูมแบร์โต – สวนออกัสตุส – เนเปิ้ล

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    หลังอาหารเดินทางสู่ท่าเรือเฟอร์รี่ ออกเดินทางสู่ “เกาะคาปรี” (Capri Island) / นำท่านล่องเรือชมทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะคาปรี ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม นำท่านชมความงามของ “ถ้ำบลูกรอตโต้” (BLUE GROTTO) ถ้ำนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1826 มีขนาดกว้าง 45 เมตรและยาว 54 เมตร สูง 15 เมตร ทางเข้าถ้ำสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงเมตรเศษๆ (ในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหรือระดับน้ำสูงเกินอาจงดรายการชมถ้ำบลูกอตโต้ เนื่องจากไม่ปลอดภัย ทางบริษัทฯ จะนำท่านเที่ยวอนาคาปรีแทน) นำท่านนั่งเรือเข้าสู่บริเวณ “มาริน่า แกรนด์เด” (Marina Grande) ท่าเรือที่สวยงามของ “เกาะคาปรี” (รถจะมารับกระเป๋าเล็กของทุกท่านไปส่งยังโรงแรมที่พัก) จากนั้นนำท่านโดยสารรถราง (FUNICULAR) สู่ย่านกลางเมืองของเกาะคาปรี(จัตุรัสอูมแบร์โต) จัตุรัสแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของเมืองที่คึกคัก ผู้คนจะนิยมมาเดินรอบๆ จัตุรัสที่เต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านแฟชั่นที่มีชื่อเสียง มีหอนาฬิกาที่ตั้งเด่นใจกลางจัตุรัส และยังมีจุดชมวิวเมืองที่ใกล้กัน
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารถ้องถิ่น
    บ่าย นำท่านเดินชมเกาะคาปรี สถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ(จักรพรรดิออกุสตุส (Augustus) ผู้ยิ่งใหญ่) และยังคงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์แห่งความงามมาจนถึงทุกวันนี้ บรรดากวีและนักเขียนชื่อดังต่างก็บอกในงานเขียนเป็นเสียงเดียวกันว่า “ที่คาปรีสวรรค์อยู่ใกล้ๆ เพียงแค่ปรายตามอง” นำท่านเดินสู่จุดชมวิว ณ “สวนออกัสตัส” (Augustus Garden) สวนแห่งนี้ เป็นสวนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณหายาก และมีความสวยงาม ร่มรื่น ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อถวายแก่จักรพรรดิแห่งโรมัน สวนแห่งนี้ประกอบไปด้วนระเบียงที่มองเห็นทะเล มีไม้ประดับและดอกไม้นานาชนิดให้เยี่ยมชมมากมาย และยังได้เห็นวิวแบบพาโนรามา 180 องศาของเกาะคาปรีอีกด้วย / ได้เวลสมควรนำท่านลงเรือเดินทางกลับสู่เมืองเนเปิ้ล
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
    พักที่: HOLIDAY INN NAPLES, BEST WESTERN PLAZA หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    4
    เนเปิ้ล – อมัลฟี่ – พอซิตาโน – ราเวลโล - วิลล่า รูโฟโล (สวนแสนสวย) – ซาเลอร์โน (เส้นทางอมัลฟีมรดกโลก)

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก 
    จากนั้นนำท่านลงเรือเฟอร์รี่กลับสู่ท่าเรือซอร์เรนโต้ลัดเลาะตามเส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งอมัลฟี่ (Amalfi Coast) สู่เส้นทางสวรรค์อิตาลีใต้ เป็นแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของอ่าวซาเลอร์โน(Salerno) ทางตอนใต้ของอิตาลี ชายฝั่งอมาลฟี ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก ด้วยสถานที่อันสวยงามของ Amalfi coast  คืออ่าวที่มีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและเป็นหนึ่งในชายฝั่งที่งดงามที่สุดของทวีปยุโรป ถนนชายฝั่งที่คดเคี้ยวผ่านหมู่บ้านชาวประมงบนหน้าผาสูงชัน มีวิวทิวทัศน์อันอันสวยสดงดงาม และความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมยุคกลางปัจจุบันชายฝั่งอมัลฟีได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดชาวอิตาเลียนและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เดินทางถึงเมือง “โพสิตาโน” (Positano) นำท่านเดินชมเมืองโปสิตาโน(Positano) เป็นเมืองที่ถือว่างดงามที่สุดในบรรดาเมืองแถบนี้ ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณเวิ้งอ่าวรูปครึ่งวงกลม ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนฉาบปูนระบายสีอย่างสวยงาม ตั้งลดหลั่นกันมาจากเนินเขาลงสู่ทะเล โดยจุดศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวจะอยู่บริเวณย่านมาริน่า แกรนด์เด่(Marina Grande) จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอศกรีมมากมาย
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำเดินทางต่อสู่ “เมืองอมัลฟี” (Amalfi) ในอดีตเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าทางทะเลในยุคไบแซนไทน์ศูนย์กลางเมืองอยู่บริเวณจัตุรัสดุโอโม อันเป็นที่ตั้งของน้ำพุ เซนต์ แอนดรูว์ (Sant’Andrea Fontana) มหาวิหารประจำเมือง (Amalfi Duomo) มีประตูสำริดจากศตวรรษที่ 11 ภาพโมเสก และสุสานใต้ดินของเซนต์ แอนดรูว์ที่อัญเชิญพระศพมาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล เมื่อปีค.ศ.1208 รอบๆจัตุรัสมีร้านค้า ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอยู่มากมายส่วนชายทะเลที่ติดท่าเรือนั้น เหมาะจะเป็นจุดชมทิวทัศน์อาคารบ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นอยู่บนเชิงเขา เป็นภาพที่งดงามไม่แพ้โปสิตาโน นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองราเวลโล่ (Ravello) เมืองแสนสวยที่อยู่บนเนินเขาสูง เดินทางถึงหมู่บ้านราเวลโล่ ที่มีความงามน่ารัก ด้วยความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จตุรัสกลางเมืองเล็กๆที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ จึงได้รับการบรรจุไว้ในส่วนหนึ่งของ มรดกโลกของอิตาลี ในปี ค.ศ.1997 จากองค์การยูเนสโก นอกจากนี้หมู่บ้านราเวลโล่ ยังเป็นสถานที่ ที่ศิลปินดัง อย่าง ริชาร์ด วาร์กเนอร์ ศิลปินชาวเยอรมันเคยมาแสดงคอนเสิร์ต จนทำให้มีการจัดเทศกาลคอนเสิร์ตที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นประจำทุกปี นำท่านเข้าชม “วิลล่า รูโฟโล” (VILLA RUFOLO) เป็นปราสาทเก่า และมีสวนแสนสวยอยู่ภายใน ปราสาทแห่งนี้เคยศูนย์กลางประวัติศาสตร์ในย่านจัตุรัสหลักของเมืองราเวลโล ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราในสไตล์มัวร์ ประมาณปี ค.ศ.1270 ภายในวิลล่าได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงหอคอยโบราณสูงประมาณ 30 เมตร อิสระท่านชื่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปตามอัธยาศัย จนได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่เมืองซาเลอร์โน (Salerno) 
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ โรงแรมที่พัก 
    พักที่: HOTEL NOVOTEL SALERNO EST ARECHI หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    5
    เซอร์ลาโน – เปสตุม – คาสเทลเมสซาโน – มาเทร่า

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    นำท่านเดินทางสู่เมืองเปสตุม (Paestum) / เปสตุม เป็นแหล่งโบราณคดีเก่าแก่สมัยกรีกโบราณ ก่อตั้งในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองเปสตุม มีพิพิธภัณฑ์และแหล่งโบราณคดีกลางแจ้งมากมาย นำท่านชมวิหารทั้งสามที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง “วิหารอธีน่า, วิหารเฮร่า และวิหารโพไซดอน” เก็บภาพวิหารอธีน่ามีขนาดเล็กที่สุดและตั้งอยู่โดดเดี่ยว ส่วนวิหารอยู่คู่กัน วิหารเฮร่า ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในบรรดาวิหารทั้งสามซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่ดี จนเป็นสถาปัตยกรรมของอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากวิหารแล้ว ยังมีซากอาคารบ้านเรือนรวมถึงพื้นกระเบื้องโมเสคชิ้นเล็กๆ, Amphitheatre ขนาดเล็ก, Forum และอื่นๆ นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคาสเทลเมสซาโน”(Castelmezzano)
    เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย หลังอาหารนำท่านชมเมืองคาสเทลเมสซาโน (Castelmezzano) เมืองโบราณที่น่ารักตั้งอยู่ในจังหวัดโพเทนซ่า ในแคว้นบาซิลิกาต้า (Basilicata) เมืองนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี สร้างอยู่ในหุบเขา เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่แปลกตา แรกเดิมเป็นถิ่นฐานของชาวกรีกราวศตวรรษที่ 5-6 แต่การเข้าไปชมเมืองแสนสวยแห่งนี้ก็ไม่ธรรมดา ต้องลอดผ่านอุโมงค์ ข้ามช่องเขา เพื่อเข้าสู่ดินแดนที่น่าค้นหาแห่งนี้ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองมาเทรา(Matera) ผ่านชมเมืองต่างๆระหว่างทาง แวะเก็บภาพตัวเมืองมาเทราจากจุดชมวิว จากนั้นนำท่านเข้าสู่เมืองมาเทรา เมืองโบราณที่มีผู้คนอยู่อาศัยมาตังแต่ยุคหิน เป็นเมืองที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเทียบเคียงกับเมืองเจริโค
    ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    พักที่: NAZIONALE HOTEL MATERA หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    6
    มาเทร่า – ชมเมืองโบราณมาเทร่า (มรดกโลก) - ชมเมืองโบราณอัลเบลโรเบลโล่ (มรดกโลก)

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    นำท่านเดินชมเขต Sassi di Matera เมืองที่เคยได้ชื่อว่ายากจนที่สุดในอิตาลี และไม่มีไฟฟ้าใช้รวมถึงน้ำประปาจากรัฐบาลกลาง  จนถึงปี ค.ศ.1950 ได้เกิดโรคระบาดรัฐบาลอิตาลีจึงได้สร้างเมืองใหม่และได้อพยพผู้คนออกจากเขตเมืองนี้ทั้งหมด ต่อมาภายหลังเมืองมาเทราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1993 รัฐบาลอิตาลีจึงเข้ามาปรับปรุงและประยุกต์บ้านถ้ำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว, ร้านอาหารและโรงแรมสุดหรู นำท่านเข้าชมโบสถ์ถ้ำ San Pietro Caveoso ชมงานเขียนเฟสโก้ที่งดงามอายุกว่าพันปี ชมจัตุรัสต่างๆ ที่สวยงาม บ้านเรือนที่สร้างอยู่ในถ้ำ หินปูนและบางหลังสร้างซ้อนกันขึ้นไปแบบที่ท่านไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นำท่านเดินชมเมืองเก่าโดยเริ่มต้นจากจตุรัสวิทโทริโอ(Piazza Vittorio Veneto) จนถึงจตุรัสจัตุรัสดูโอโม (Matera’s Cathedral) เสมือนเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่ามีเวลาให้ท่านเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ตามอัธยาศัย 
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่หมู่บ้านเมืองอัลเบโรเบลโล (Alberobello) (60 กม.) อัลเบโรเบลโล ตั้งอยู่ในภูมิภาคอาปูเลีย(Apulia) ของอิตาลี มีชื่อเสียงเนื่องจากสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ บ้านเรือนท้องถิ่นมีหลังคารูปกรวยที่เรียกว่าทรงทรูลี่(Trolli) ตัวบ้านเรือนสร้างจากหินปูนมีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี นำท่านเดินชมหมู่บ้าน “อัลเบโรเบลโล” ที่น่ารัก ที่เต็มไปด้วยร้านค้าร้านกาแฟ รวมถึงร้านของที่ระลึกมากมาย เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1996และเป็นจุดหมายที่นิยมมาท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลีใต้ *** แนะนำให้ท่านซื้อนกหวีดที่ทำจากดินเหนียวเป็นสัญลักษณ์ของชาวปูเลีย นิยมใช้เป็นของฝากแก่เพื่อนหรือคนที่เรารักเพื่อนำความโชคดีมาให้ *** 
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่: Hotel Colle del Sole / Grand Hotel Olimpo /หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    7
    อัลเบลโรเบลโล่ – ออสตูนี (เมืองสีขาว) - ชมฟาร์มชีสบูร์ราต้า (Burrata Cheese Farm) – ชมเมืองเลชเช่

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    หลังอาหารทางเข้าสู่หมู่บ้านออสตูนิ (Ostuni) เป็นเมืองและเทศบาลแสนสวยแห่งแคว้นอาปูเลีย เมืองนี้มีประชากรประมาณ 200,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลักที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในอาปูเลีย เป็นผู้ผลิตชีสบูร์ราต้าหรือที่เรารู้จักอีกชื่อว่ามอสซาเรลล่า, น้ำมันมะกอกและไวน์คุณภาพสูง เมืองออสตูนิ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นมะกอก ได้รับสมญานามว่าเมืองสีขาว "La Città Bianca" เนื่องมาจากบ้านเรือนที่มีสีขาวสะอาดตา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี โดยมีการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าโบราณไปจนถึงชาวนอร์มัน ส่วนอาคารที่เห็นในปัจจุบันนั้นมีอายุช่วงปี ค.ศ. 1400 ถึง 1700 ชมมหาวิหารแบบโกธิก เป็นอาสนวิหารโรมันคาธอลิกที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่การเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระแม่มารี นำท่านเดินเข้าสู่ถนนในยุคกลาง ชมวิวทิวทัศน์อันกว้างไกลที่ทอดยาวข้ามชนบทไปจนถึงทะเลเอเดรียติก นำท่านเข้าชมกรรมวิธีผลิตชีสบูร์ราต้า (Burrata Cheese Farm) ชีสสดแสนอร่อยต้นตำรับแห่งแคว้นอาปูเลีย / ชีสบูร์ราต้านั้นเป็นชีสสด ซึ่งเป็น Semi-soft Cheese แต่จะทำจากนมวัวเท่านั้น เนื้อและวิธีการทำในขั้นตอนแรกนั้นเหมือนกับ Mozzarella มาก แต่ความพิเศษจะอยู่ตรงอยู่ตรงที่ เค้าเอาครีมใส่เข้าไปด้านใน มีโอกาสให้ทุกท่านได้ชิมชีสแสนอร่อยสดๆจากฟาร์ม
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    บ่าย นำท่านชมเมืองเลชเช่ (Lecce) ที่เสมือนเป็นอัญมนีที่ถูกซ่อนไว้ของแคว้นปูเลีย เลยทีเดียว นำท่านเดินเล่นชมเมืองเก่าเลคเช ถือว่าเป็นเมืองสไตล์บาโรกที่สวยงามมาก และยังคงมีร่องรอยวัฒนธรรมกรีกให้เห็นกันอยู่ทั่วเมือง อาคารสูงใหญ่หรูหราที่สร้างจากหินปูนเรียงรายกันอยู่ สัมผัสถึงความเป็นมาอันยาวนาน ชม “The Celestini Palace” หรือ Palazzo dei Celestini ปราสาทราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ภายใต้สถาปัตยกรรมแบบบาโรก ปัจจุบันที่นี่ได้รับการอนุรักษ์จากรัฐบาลทำให้ทั้งโครงสร้างด้านใน และด้านนอกยังคงแข็งแรง ทั้งยังถูกใช้เป็นที่ว่าการของเมืองเลชเช่ เก็บภาพมหาวิหารซานตา โครเช่ “Basilica di Santa Croce” จุดสำคัญที่สุดเลชเช่ มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ เป็นสถานที่ชื่นชอบของบรรดานักประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1549 – ค.ศ. 1582 มีความสวยงามโดดเด่นด้วยการแกะสลักหินที่สวยงาม ตกแต่งซุ้มด้านหน้าด้วยรูปปั้นสัตว์หน้าตาแปลกประหลาด ท่านจะเห็นหน้าต่างบานใหญ่ตรงกลางที่แกะสลักเป็นรูปกุหลาบซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะแบบกรีกโรมัน นำท่านเข้าชม The Roman Amphitheater อัฒจันทร์กลางแจ้งที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 2 ของโรมัน เป็นอัฒจันท์ขนาดใหญ่ และพื้นที่แสดงตรงกลาง เคยใช้เป็นสถานที่ต่อสู้ของเหล่า Gladiator รวมไปถึงการแข่งขัน และการแสดงอื่น ๆ ในอดีต เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่แห่งความบันเทิงของชาวเลชเช่ในยุคโบราณปัจจุบัน อัฒจันทร์แห่งนี้ถูกฝังไว้ครึ่งหนึ่งเพราะมีอนุสาวรีย์อื่น ๆ สร้างขึ้นในศตวรรษหลัง ทำให้ไม่สามารถขุดออกมาได้ทั้งหมด / มีเวลาให้ทุกท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย  
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่: LE CLUB BOUTIQUE, DELLE PALME HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    8
    เลชเช่ – โพลิคญาโน เอ แมร์ – ชมเมืองบารี

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
    หลังอาหารเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านโพลิญาโน อา มาเร่ (Polignano a Mare) เมืองน่ารักที่เก่าแก่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล ก่อตั้งโดยผู้ตั้งถิ่นฐานชาวกรีก ไปจนถึงความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของโรมัน นำท่านเดินเข้าสู่ถนนทราญาน่า Via Traiana ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างคริสตศักราช 108-110 ท่านจะประทับใจไปกับความงดงามของหน้าผาสีขาวทรี่มีบ้านเรือนและคฤหาสน์ ของชาวพุคเลียอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมือง มีเวลาให้ท่านชมวิวชายหาดและอ่าวที่สวยงามของตัวเมือง จากบริเวณสะพานสะพาน Ponte Borbonico su Lama Monachile Lama Monachile ปัจจุบันนี้ Polignano a Mare ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกด้วยเมืองเก่ามีซอยคดเคี้ยวร้านค้าพื้นเมืองที่น่ารัก ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางเข้าสู่เมืองบารี(Bari)
    เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
    นำท่านชมเมืองบารี(Bari) บารีเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคอาปูเลีย เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดที่แห่งหนึ่งของอิตาลีใต้ มีท่าเรือและมหาวิทยาลัย เมืองบารีแบ่งเป็นเขตต่างๆ ทางทิศเหนือเป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นริมทะเลระหว่างท่าเรือสองแห่งที่ทันสมัยกับมหาวิหารเซนต์นิโคลัส,  วิหารซานซาบิโนและปราสาท Hohenstaufen สร้างขึ้นสำหรับกษัตริย์เฟรเดอริคที่สอง ทางทิศใต้คือย่านมูรัต (Murat) เขตเมืองที่ทันสมัยย่านช็อปปิ้งสำคัญ นำท่านเดินเข้าสู่เขตเมืองเก่าบริเวณจตุรัสเมอร์ชานไทล์ (Piazza Mercantile) เป็นบริเวณที่พลุกพล่านไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ในบริเวณนี้ยังเป็นท่าเรือที่สามารถข้ามฟากไปยังเมืองดูบรอฟนิค ประเทศโครเอเชียได้อีกด้วย นำท่านเก็บภาพโบสถ์เซนต์นิโคลัส (The Basilica of San Nicola) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1197 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักเดินเรือ เก็บภาพปราสาทซเวโว (Castello Svevo) แลนด์มาร์คหลักของบารี ตัวปราสาทตั้งอยู่ริมทะเลอเดรียติก (Adriatric Sea) มีที่กำแพงป้องกันล้อมรอบ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมปราการอาณาจักรโรมันและไบแซนไทน์ และได้รับการบูรณะโดยจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เฟรดเดอริกที่ 2 ภายหลังได้ถูกสร้างเพิ่มเติมและตกแต่งใหม่โดยกษัตริย์ แห่ง อาร์รากอน 
    ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร 
    พักที่: NICOLAUS HOTEL BARI หรือที่พักระดับใกล้เคียง

  • วันที่
    9
    ชมเมืองบารี – ช้อปปิ้ง – สนามบิน

    เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก / ได้เวลาสมควรออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานบารี คาโรล วอยติลา
    11.20 น. เหิรฟ้าสู่สนามบินโรม (ฟูมิชิโน) โดยสายการบินอิตา แอร์เวย์ส (ITA Airways) เที่ยวบินที่ AZ1612 
    12.30 น. ถึงสนามบินโรม (ฟูมิชิโน) รอเปลี่ยนเครื่อง  
    15.15 น. เหิรฟ้ากลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินอิตา แอร์เวย์ส (ITA Airways) เที่ยวบินที่ AZ758

  • วันที่
    10
    สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

    07.05 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ...โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

มื้ออาหารและที่พัก
วันที่
อาหารเช้า
อาหารเที่ยง
อาหารเย็น
โรงแรม
1
-
2
Holiday Inn Naples Best Western Plaza or Equivalent
3
Holiday Inn Naples Best Western Plaza or Equivalent
4
Novotel Salerno Est Areci Hotel or Equivalent
5
Hotel Nazionale Matera or Equivalent
6
Hotel Colle del Sole / Grand Hotel Olimpo or Equivalent
7
Le Club Boutique Hotel Delle Palm or Equivalent
8
Hotel Nicholas Bari or Equivalent
9
-
10
-
ข้อตกลงและเงื่อนไข
  • การจองนี้ไม่ได้รับการยืนยัน (เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา) เราจะตรวจสอบและยืนยันการจองให้ลูกค้าทราบภายใน 24 ชม.

แพ็กเกจนี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – โรม/บารี/โรม – กรุงเทพฯ 

  • ค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามระบุไว้ในรายการ พร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ช.ม./วัน 

  • โรงแรมที่พักตามระบุหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน โรงแรมส่วนใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์จะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำและราคาโรงแรมจะปรับขึ้น 3-4 เท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับงานเทศกาลเทรดแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลที่ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนย้ายเมือง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเป็นหลัก 

  • ค่าอาหารที่ระบุในรายการ ให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ 

  • ค่าบริการนำทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยวให้ความรู้ และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง 

  • ค่าประกันสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงินท่านละ 2,000,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) 

  • ค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่ายุโรปหรือกลุ่มเชงเก้นวีซ่า และค่าธรรมเนียมวีซ่า ทางสถานทูตไม่คืนให้ท่านไม่ว่าท่านจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม 

  • น้ำดื่มบนรถโค้ชบริการตลอดการเดินทาง

แพ็กเกจนี้ไม่รวม
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% 

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มและอาหารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ 

  • ค่าผกผันของภาษีน้ำมันที่ทางสายการบินแจ้งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

  • ค่าทิปพนักงานขับรถและบริกรตลอดการเดินทาง วันละ 3 ยูโร/ท่าน/วัน (27 ยูโร)

  • ทิปหัวหน้าทัวร์ วันละ 100 บาท ต่อท่านต่อวัน (1,000 บาท หากท่านประทับใจในการบริการ)

  • ค่าธรรมเนียมการเลื่อนตั๋วขากลับ(กรณีอยู่ต่อ)

เงื่อนไขการยกเลิก
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 40 วัน - คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยกเว้นกรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุด หรือเงินค่ามัดจำที่ต้องการันตีที่นั่งกับสายการบิน หรือ กรุ๊ปที่มีการการันตีค่ามัดจำที่พักโดยตรงหรือโดยการผ่านตัวแทนในประเทศ หรือต่างประเทศและไม่อาจขอคืนเงินได้ (ค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง)

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15 – 29 วันขึ้นไป – เก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาทัวร์ 

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1 – 15 วัน – เก็บค่าบริการทั้งหมด 100%

หมายเหตุ
  • บริษัทฯ จะทำการยื่นวีซ่าของท่านก็ต่อเมื่อในคณะมีผู้สำรองที่นั่งครบ 15 ท่าน และได้รับคิวการตอบรับจากทางสถานทูต เนื่องจากบริษัทฯ จะต้องใช้เอกสารต่างๆที่เป็นกรุ๊ปในการยื่นวีซ่า อาทิ ตั๋วเครี่องบิน ห้องพักที่คอนเฟิร์มมาจากทางยุโรป ประกันการเดินทาง ฯลฯ ทางท่านจะต้องรอให้คณะครบ 15 ท่าน จึงจะสามารถยื่นวีซ่าให้กับทางท่านได้อย่างถูกต้อง 

  • หากในช่วงที่ท่านเดินทางคิววีซ่ากรุ๊ปในการยื่นวีซ่าเต็ม ทางบริษัทต้องขอสงวนสิทธิ์ในการยื่นวีซ่าเดี่ยว ซึ่งทางท่านจะต้องเดินทางมายื่นวีซ่าด้วยตัวเอง ตามวัน และเวลานัดหมายจากทางสถานทูต โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยดูแล และอำนวยความสะดวก 

  • เอกสารต่างๆที่ใช้ในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป ทางสถานทูตเป็นผู้กำหนดออกมา มิใช่บริษัททัวร์เป็นผู้กำหนด ท่านที่มีความประสงค์จะยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป กรุณาจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง และครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าของท่าน บริษัททัวร์เป็นแต่เพียงตัวกลาง และอำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้เป็นผู้พิจารณาว่าวีซ่าให้กับทางท่าน

  • กรณีวีซ่าที่ท่านยื่นไม่ผ่านการพิจารณา และคณะสามารถออกเดินทางได้ ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

  • - ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าและค่าดำเนินการ ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณา

    - ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือตั๋วเครื่องบินที่ออกมาจริง ณ วันยื่นวีซ่า ซึ่งตั๋วเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นวีซ่า หากท่านไม่ผ่านการพิจารณา ตั๋วเครื่องบินถ้าออกตั๋วมาแล้วจะต้องทำการ REFUND โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่ท่านต้องถูกหักบางส่วน และส่วนที่เหลือจะคืนให้ท่านภายใน 45-60 วัน (ตามกฎของแต่ละสายการบิน) ถ้ายังไม่ออกตั๋วท่านจะเสียแต่ค่ามัดจำตั๋วตามจริงเท่านั้น

    - ค่าห้องพักในทวีปยุโรป ถ้าคณะออกเดินทางได้ และท่านไม่ผ่านการพิจารณาวีซ่า ตามกฎท่านจะต้องโดนค่ามัดจำห้องของการเดินทางหากท่านไม่ปรากฏตัวตามวันที่เข้าพัก ทางโรงแรมจะต้องยึดค่าห้อง 100% ในทันที ทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีเอกสารชี้แจงให้ท่านเข้าใจ

  • หากท่านผ่านการพิจารณาวีซ่า แล้วยกเลิกการเดินทางทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%

  • ทางบริษัทเริ่มต้น และจบ การบริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และจะสำรองตั๋วเครื่องบิน หรือพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ใช้ในการเดินทางมาสนามบิน ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางของบริษัท ฉะนั้นท่านควรจะให้กรุ๊ป FINAL 100% ก่อนที่จะสำรองยานพาหนะ

  • กรณีท่านที่ประสงค์พักแบบห้องสามเตียง(Triple Room) หากทางโรงแรมที่พักไม่สามารถจัดห้องพักแบบสามเตียงได้ อาจต้องเป็นเตียงเสริมแทน หรือ อาจต้องแยกเป็นห้องสองเตียง 1 ห้องและห้องเตียงเดียว 1 ห้อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าห้องเดียวทั้งนี้ทางลูกค้าต้องเป็นผู้จ่ายค่าห้องเดียวเอง(ทางบริษัทฯ ขอแนะนำให้พักสองห้อง)

  • รูปภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น