เช็คราคาและจองทัวร์อิตาลี 2568 ราคาถูก แพ็กเกจเที่ยวอิตาลี

“อิตาลี” อีกหนึ่งประเทศในทวีปยุโรปตอนใต้ ที่ตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ค่อนข้างมีความแตกต่างในด้านภูมิทัศน์และสภาพอากาศที่สุดขั้ว ทั้งชายหาดที่ยอดยาวสุดลูกหูลูกตา ไปจนถึงภูเขาขนาดเล็กและใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับกันไปอย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีอากาศที่ร้อนระอุทางตอนใต้ รวมถึงอากาศที่หนาวเย็นถึงใจทางตอนเหนือนอกจากนี้ อิตาลียังถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งภูไฟ แต่มีภูเขาไฟเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ เช่น ภูเขาไฟสตรอมโบลีและเมาท์เอ็ตนา ส่วนในด้านประวัติศาสตร์ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะในอดีตพื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นที่ตั้งของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และจักรวรรดิไบแซนไทน์ ดังนั้น การเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวอิตาลี จึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก ๆ

สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอิตาลี ที่ต้องไปเยือนให้ได้

1. กรุงโรม (Rome) เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ที่มีอายุมากกว่า 2500 ปี ผสมผสานอารยธรรมที่เก่าแก่ไม่แพ่ที่ไหน จึงทำให้กรุงโรม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิตาลีแห่งนี้ ยังคงมีมนต์ขลังอัดแน่นอยู่ทั่วทุกอณู สิ่งเหล่านี้จึงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

2. เมืองปิซ่า (Pisa) เป็นที่ตั้งของ “หอเอนแห่งเมืองปิซ่า” อันเลื่องชื่อ ซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของการก่อสร้าง เพราะสมัยก่อนไม่มีใครคาดคิด ว่าความผิดพลาดในการวางโครงสร้างสามารถทำให้หอนั้นเอนตัวลงได้แต่ไม่ล้มลง นอกจากนี้ยังมี โบสถ์แห่งเมืองปิซ่า, สุสานโรมัน, จตุรัสคาวาเลียรี, พิพิธภัณฑ์ซาน แมททีโอ, ไปจนถึง“หอศีลจุ่ม” หนึ่งในสถาปัตยกรรมแนวโรมันแสนงดงาม ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นโดมขนาดใหญ่

3. เวนิส (Venice) เป็นเมืองที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็ก ๆ มากกว่าร้อยเกาะ ถูกโอบล้อมด้วยคลองและทะเล จึงทำให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติก ดึงดูดคู่รักจากทั่วโลกให้มาเยือน หรือฮันนีมูนไปพร้อมกับการเดินชมวิวทัวทัศน์และบรรยากาศที่แสนสวยงามได้เป็นอย่างดี ส่วนคนไม่มีคู่ก็ไม่เป็นไร เพราะที่แห่งนี้มีบริการล่องเรือกอนโดลา (Gondola) ที่พร้อมพาทุกคนท่องไปในแกรนด์คาแนล (Grand Canal) ที่สำคัญยังสามารถหยุดเรือเพื่อแวะชมแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้อีกด้วย

4. มิลาน (Milan) มิลานสามารถเข้ามาติดอันดับเมืองที่มีความร่ำรวยของทวีปในยุโรปได้ นอกจากนี้ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของสินค้าและแฟชั่นจากแบรนด์ชื่อดังที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ส่วนในแวดวงศิลปะ ก็จัดว่าอยู่แถวหน้าในวงการ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์และภาพวาดขึ้นชื่อ จึงทำให้ถูกนำไปเป็นฉากเด่น ๆ ให้เห็นในภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง จนหลายคนอาจลืมไปว่ามิลาน เคยได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน

ของฝากขึ้นชื่อจากอิตาลี มาเยือนแล้วห้ามพลาด

1. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จากแคว้นอะพิวเลีย (Apulia) สำหรับน้ำมันมะกอกของแท้ที่ผลิตจากที่นี่ มีกลิ่นและรสชาติที่รุนแรง เหมือนเสมือนกับความถาคถูมิใจของคนที่ผลิตมันขึ้นมา ซึ่งน้ำมันมะกอกชนิดนี้ ถูกทำขึ้นจากมะกอกสายพันธุ์ coratina จึงทำให้มีรสชาติเผ็ดปนขมเล็กน้อย ที่สำคัญยังผ่านกระบวนการผลิตแบบดั่งเดิมที่สืบจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย

2. พาสต้า Gragnano เป็นพาสต้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอิตาลีติดต่อกันมาอย่างยาวนานตั่งแต่ปี 1870 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถูกทำขึ้นจากข้าวสาลีดูรัมในอิตาลี ผ่านกระบวนผลิตด้วยเครื่องทำพาสต้าชนิดพิเศษ จากนั้นนำไปตากแห้ง ก่อนนำไปบรรจุลงถุงด้วยมือเปล่า

3. ภาพวาด เมื่อมาเยือนเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องศิลปะและแฟชั่นแล้ว การซื้อภาพวาดกลับไปเป็นของฝากก็คือตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ซึ่งที่นี่ไม่ได้มีขายแค่ภาพวาดแกลอรีดัง ๆ ราคาแพงเท่านั้น เพราะสามารถหาซื้อภาพวาด หรือศิลปะที่แสนสวยงามได้ง่ายดายตามตลาดนัด หรือแหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ

อาหารรสชาติรสเยี่ยมสัญชาติอิตาลี ใครได้ลองเป็นอันต้องติดใจ

1. ไอศครีมเจลาโต้ (Gelato) ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงกับของหวานชนิดนี้ เนื่องจากไอศครีมเจลาโต้มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้นานถึงยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งจุดเด่นของไอศกรีมเจลาโต้แบบดั่งเดิมนั้น ต้องถูกผลิตแบบสดใหม่วันต่อวัน นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างจากไอศกรีมทั่วไป ตรงที่มีไขมันน้อย มีกลิ่นเลียนแบบน้อย จึงทำให้ผู้กินได้รับรสและกลิ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติสุด ๆ

2. ชิกเคติ (Cicchetti) เป็นอาหารที่มีรูปร่างเล็กกะทัดรัดและมีราคาไม่แพง ส่วนมากมักขายตามบาร์ไวท์แบบดั่งเดิมของเวนิสที่เรียกว่า Bacari โดยตามธรรมเนียมแล้วต้องเสิร์ฟชิกเคติพร้อมกับ ombra ที่เป็นแก้วไวน์ขนาดเล็ก จัดเป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่สามารถซึมซับรสชาติที่แท้จริงของชาวพื้นเมืองได้

3. ปานซานเนลล่า (Panzanella) เมนูอาหารที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยขนมปังและสลัดมะเขือเทศ นิยมเสิร์ฟในตอนกลางวันของอิตาลีช่วงฤดูร้อน สำหรับอาหารชนิดนี้มีต้นกำเนินในทุ่งหญ้าของชาวทัสกันซึ่งประกอบอาชีพเป็นเกษตรที่ปลูกผลผลิตขึ้นมาเอง เช่น แตงกว่า ใบโหระพาสดและขนมปัง ที่ถูกปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอก และ Vinegar

4. พิษซ่าต้นตำรับเนเปิล (Pizza Napoletana) อาหารที่มีรสชาติถูกใจคนทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่คนไทย ซึ่งเมนูนี้จัดเป็นอาหาเก่าแก่อีกหนึ่งชนิดที่ย้อนกลับไปได้หลายยุคสมัย นับเป็นต้นตำรับอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ซึ่งเนื้อแป้งจะมีความกรกอบ ขอบแป้งบาง เพิ่มเติมความอร่อยด้วยซอสมะเขือเทศสุดเข้มข้นและชีส ตบท้ายด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

เรื่องราวน่ารู้ เพื่อประโยชน์สูงสุด ก่อนเตรียมตัวไปเยือนอิตาลี

1. นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าเกิน 155 ยูโร สามารถทำเรื่องยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ โดยนำแบบฟอร์ม Tax Refund ไปประทับตราที่ด่านศุลกากร ณ สนามบินประเทศอียู ซึ่งประเทศสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศไทย

2. ธนาคาร เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลาทำการระหว่าง 08.30 – 13.30 และ 14.30-16.00 น.

3. ห้องน้ำสาธารณะในอิตาลีหายากมาก แต่มีวิธีแก้คือเข้าในร้านคาเฟ่หรือร้านอาหาร หรือตามพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ที่มีห้องน้ำให้ใช้บริการฟรี ส่วนผู้หญิงควรพกทิชชู่เปียกติดตัวไว้เช็ดที่รองนั่งด้วย

4. ต้องข้ามถนนตรงสัญญาณไฟแดง หรือทางม้าลายเท่านั้น เพราะคนอิตาลีค่อนข้างใจร้อน พร้อมบีบแตรไล่อยู่เสมอ นอกจากนี้ ถึงแม้ข้ามตามทางที่กำหนดไว้แล้วก็ยังต้องคอยมองซ้ายขวาให้ดี เนื่องจากชอบมีรถผ่าไฟแดงอยู่บ่อย ๆ ไม่แตกต่างจากในประเทศไทย

5. Tabacchi ร้านขายของสารพัดประโยชน์ที่มีของจำเป็นขายหลายอย่าง เช่น บัตรรถบัส ตั๋วรถไฟ น้ำ ของที่ระลึก และแผนที่ต่าง ๆ

ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ที่อิตาลีมี 4 ฤดูกาลดังนี้

1. ฤดูใบไม้ผลิ la primavera มีนาคม - พฤษภาคม มีอากาศค่อนข้างเย็นสบาย สลับกับฝนตกเป็นช่วง ๆ

2. ฤดูร้อน l’ estate มิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิอบอุ่น หรืออาจร้อนได้ในบางพื้นที่

3. ฤดูใบไม้ร่วง l’ autunno กันยายน – พฤศจิกายน มีอากาศเย็นไปจนถึงหนาวได้ สลับกับฝนตกเป็นช่วง ๆ

4. ฤดูหนาว l’ inverno ธันวาคม – กุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวเย็นไปจนถึงหนาวจัด รวมถึงมีหิมะตก