เช็คราคาและจองทัวร์ไอซ์แลนด์ 2568 ราคาถูก แพ็กเกจเที่ยวไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์ ดินแดนแห่งภูเขาไฟและแสงเหนือ

“ไอซ์แลนด์” เป็นประเทศที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่เมื่อ 18 ล้านปีก่อน จนกระทั่งเกิดเป็นเกาะขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนประชากรนั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยที่ไอซ์แลนด์นั้น มีคนอาศัยประมาณ 350,000 คนเท่านั้น จนทำให้จำนวนแกะและม้าในประเทศมีจำนวนมากกว่าประชากรไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ไอซด์แลนด์ ยังมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเรื่องภูเขาไฟ น้ำแข็ง และแสงเหนือที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงทำให้บางครั้งผู้คนต่างขนานนามว่า “ไอซ์แลนด์เป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟและน้ำแข็ง” ด้วยเหตุนี้ ภูมิประเทศของไอซ์แลนด์จึงมีความแตกต่างจากที่อื่นค่อนข้างมาก ทำให้ทุกปี นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนไอซ์แลนด์มีจำนวนมากกว่าประชากรที่อาศัยอยู่เสียอีก

สถานที่เที่ยวน่าน่าสนใจ เมื่อไปเที่ยวทัวร์ไอซ์แลนด์

1. น้ำตก Gullfoss เป็นสถานที่เที่ยวลำดับต้นๆ ของไอซ์แลนด์ เนื่องจากเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม ไม่แพ้น้ำตกไนแองการา ซึ่งน้ำตก Gullfoss มีระดับความลึกประมาณ 32 เมตร เวลาที่มวลน้ำมหาศาลถูกพัดมาถือว่าเป็นภาพที่น่าตื่นตาสุดๆ

2. Blue Lagoon สารคดีชื่อดัง National Geographic ได้จัดอันดับให้บลูลากูน (Blue Lagoon) เป็น 1 ใน 25 สถานที่สุดอัศจรรย์ของโลก จึงทำให้ทุกวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย ด้วยสีฟ้าใสสวยงามของผืนน้ำ ที่เกิดจากเกลือแร่ (Minerals), แร่ซิลิกา (Silica) และสาหร่าย (Algae) โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากอุณภูมิของน้ำเฉลี่ยแล้วสูงถึง 50 องศาเซลเซียส จึงช่วยคลายความหนาวได้เป็นอย่างดี

3. Kirkjufell เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีบรรดาช่างภาพมืออาชีพจากทั่วโลกมาเยือน แล้วนำภาพที่ได้ออกไปเผยแพร่ จนทำให้หลายคนเมื่อนึกถึงไอซ์แลนด์เมื่อไหร่ ก็นึกถึงสถานที่แห่งนี้ โดยระดับความสูงของภูเขา Kirkjufell อยู่ที่ 463 เมตร ถูกล้อมรอบไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่แสนสวยงามต่าง ๆ เช่น ชายทะเลและน้ำตก ที่สำคัญบนท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยแสงเหนือ หรือแสงออโรร่าอีกด้วย

4. Jokulsarlon Glacier Lagoon เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็ง ซึ่งความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นประจำทุกวัน แม้ไม่ได้กว้างใหญ่มาก แต่กลับมีระดับความลึกถึง 250 เมตร ทั้งยังมีหาดทรายสีดำที่มีก้อนน้ำแข็งจำนวนมากเรียงรายอยู่ โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือทัวร์ล่องไปตามทะเลสาป เพื่อชมความสวยงามได้

5. Hvitserkur เป็นเสาหินที่ถูกธรมชาติสรรค์สร้าง จนออกมามีรูปทรงแปลกตา ดูไปดูมาคล้ายช้างสีดำเป็นอย่างยิ่ง โดยภูเขาหินบะซอลต์แห่งนี้ มีความความสูงเพียง 15 เมตรเท่านั้น หากมาเยือนในช่วงที่มีหิมะตกขาวโพลนก็ยิ่งมีความสวยงามยิ่งขึ้น เพราะภูเขาสีดำแห่งนี้สามารถเข้ากับพื้นหลังสีขาวที่เต็มไปด้วยหิมะได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม

6. Kerid Crater สถานที่แห่งนี้ คือปล่องภูเขาไฟที่ดับลงไปแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ทั้งป่าไม้และภูเขา รวมถึงแอ่งน้ำสีฟ้าสวยสดใส ที่สำคัญยังใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็สามารถเที่ยวชมความงดงามของสถานที่แห่งนี้ได้จนครบถ้วนแล้ว

อาหารที่ต้องลองเมื่อไปเที่ยวทัวร์ไอซ์แลนด์

1. สเกียร์ (Skyr) สเกียร์เป็นซอฟท์ชีสไขมันต่ำมาก เนื่องจากทำขึ้นจากนมพร่องมันเนย มีรสชาติเข้มข้นและความน้อย ซึ่งคนไอซ์แลนด์สามารกินสเกียร์ได้ตลอดวัน เพราะถือเป็นอาหารสารพัดประโยชน์ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ทำอาหารได้อย่างหลากหลาย

2. ลองกุสทีน (Langoustine) เมนูอาหารจานนี้คือ “กุ้งมังกรตัวเล็ก” เป็นที่นิยมทานกันมากในไอซ์แลนด์ เพราะกุ้งชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปตามท้องทะเลของไอซ์แลนด์ แต่จะนิยมกินเฉพาะส่วนหางเท่านั้น โดยสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายประเภท ทั้ง อบ ย่าง ซุป หรือทอด

3. ปลา Arctic Char ปลาชนิดนี้ จัดเป็นฝาแฝดของปลาแซลมอน เนื่องจากมีอะไรหลายที่เหมือนกันมาก โดยเฉพาะเนื้อที่มีสีชมพูเหมือนกัน ส่วนรสชาติก็เหมือนกันจนแยกแทบไม่ออก

4. นกพัฟฟิน (Puffin bird) นกชนิดนี้มีรูปร่างหน้าตาน่ารัก นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพอยู่เป็นประจำ ซึ่งพัฟฟินนั้น ถือเป็นอาหารที่คนไอซ์แลนด์นิยมกินกันมาช้านานแล้ว โดยส่วนใหญ่มักเนื้อนกพัฟฟินมักอยู่ในรูปแบบเมนูรมควัน กินคู่กับซอสรสชาติเปรี้ยว

5. เนื้อแกะรมควัน (Hangikjöt) เมนูอาหารจานนี้คนไอซ์แลนด์นิยมทานกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่ก็สามารถหากินได้ทั่วไป ซึ่งเนื้อแกะรมควันนั้น มีรูปร่างหน้าตา รสชาติ รวมถึงวิธีการกินคล้ายกับพามาแฮมของอิตาลี แต่มีความเค็มมากกว่า มักเสิร์ฟคู่กับซอสรสหวาน เช่น ซอสผลไม้

6. เนื้อวาฬ คนไอซ์แลนด์นิยมทานเนื้อวานมาก แต่ต้องเป็นวาฬมิงค์เวล (minke whale) เท่านั้น เพราะเป็นสายพันธ์วาฬที่ล่าได้ ไม่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ ตัวเนื้อวาฬทีสีแดง มันน้อย รสชาติคล้ายเนื้อวัว ผสมปลาทูนา นิยมกินแบบซาชิมิ หรือนำไปปรุงสุกแบบมีเดียมแรร์ก็ได้เช่นกัน

เรื่องราวน่ารู้ เตรียมพร้อมก่อนไปเที่ยวทัวร์ไอซ์แลนด์

1. อาหารราคาแพงมาก ค่าครองชีพในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาสูงที่สุดในโลกแล้ว ทว่าที่ไอซ์แลนด์แพงยิ่งกว่า
2. น้ำมีกลิ่นแต่โดยรวมแล้วสามารถดื่มได้ น้ำที่ไอซ์แลนด์มีกลิ่นของกำมะถันเจืออยู่มาก แต่ไม่เป็นอันตราย
3. ต้องวางแผนการเดินทางให้สอดคล้องกับแสงที่มีอยู่อย่างจำกัด ข้อจำกัดของแสงแดดไม่8jvpปัญหาเท่าไหร่นในช่วงหน้าร้อน แต่ในหน้าหนาวแสงมักน้อยลงเรื่อย ๆ จึงสำคัญมากที่ต้องวางแผนการเดินทางให้สอดคล้องกับสภาพอากาศของที่นี่ด้วย
4. ห้องน้ำมีน้อยและต้องเสียเงินค่าเข้าด้วย ที่ท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์มักถูกคั่นด้วยระยะทางที่ยาวไกล ดังนั้นควรวางแผนเรื่องการเข้าห้องน้ำให้ดี
5. ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด หลายสถานที่ในไอซ์แลนด์ให้บริการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต แม้แต่การจ่ายเงินเข้าห้องน้ำก็เช่นเดียวกัน

ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เที่ยวทัวร์ไอซ์แลนด์ ที่ไอซ์แลนด์มี 4 ฤดูกาลดังนี้

1. ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนเมษายน - เดือนพฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 0 ถึง 10 องศาเซลเซียส
2. ฤดูร้อน ช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือนมิถุนายน อุณหภูมิอยู่ที่ 5 ถึง 25 องศาเซลเซียส
3. ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนสิงหาคม - เดือนตุลาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 8 ถึง 15 องศาเซลเซียส
4. ฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน - เดือนมีนาคม อุณหภูมิอยู่ที่ -3 ถึง 5 องศาเซลเซียส

เมื่อมาเที่ยวทัวร์ไอซ์แลนด์ ของฝากที่ควรซื้อจากไอซ์แลนด์

1. เสื้อกันหนาวสไตล์ไอซ์แลนดิก เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นของประเทศแห่งนี้ จึงต้องมีเสื้อกันขนสัตว์ติดตัวไว้ หรือจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็เข้าท่าเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเสือกันหนาวสไตล์ไอซ์แลนดิกนี้ ชาวไอซ์แลนด์มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “lopapeysa”
2. สุราพื้นเมือง Brennivin ชาวไอซ์แลนด์นิยมรับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่มีชื่อว่า “Brennivin” ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เพราะถูกทำขึ้นมาด้วยวิธีการกลั่นจากมันฝรั่งและเมล็ดยี่หร่า จึงทำให้มีกลิ่นที่หอมออกฉุนเล็กน้อย ซึ่งเป็นรสชาติที่ชาวไอซ์แลนด์โปรดปราน
3. เนื้อฉลาม Kæsturhákarl เป็นอาหารท้องถิ่นของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งส่วนประกอบมีเพียงอย่างเดียวคือ “เนื้อหมักแห้งของฉลามกรีนแลนด์” หรือจะเป็นฉลามชนิดอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ถึงแม้จะมีกลิ่นของแอมโมเนียอยู่บ้าง แต่หากได้กินแล้วรับรองต้องติดใจ
4. เครื่องประดับจากหินลาวา เนื่องจากไอซด์แลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟ ที่มีภูเขาคุกรุ่นสามารถปะทุขึ้นมาได้ตลอดเวลา ดังนั้น คงไม่มีอะไรดีไปกว่าของฝากที่ถือเป็นอนุสรถ์ของการมาเยี่ยมเยือนดินแดนแห่งนี้ กับเครื่องประดับจากหินลาวาที่ถูกทำอย่างประณีต
5. ถุงยางอนามัยที่ชื่อว่า “Nature Condoms” ซึ่งมีบอกเล่าถึงสรรพคุณของถุงยาง ผ่านปรากฎการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งภูเขาไฟระเบิด, หิน, น้ำพุร้อน เป็นต้น โดยผู้คิดค้นถุงยางอนามัยชนิดนี้นามว่า Fridgerdur Gudmundsdottir และ Kristin Birna Bjarnadottir เคยได้รับรางวัลของฝากดีเด่นอีกด้วย