เช็คราคาและจองทัวร์ภูฏาน 2568 ราคาถูก แพ็กเกจเที่ยวภูฏาน

ทัวร์ภูฏาน ดินแดนแห่งธรรมชาติที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าศูนย์

ภูฏาน คือประเทศเพียงแห่งเดียวในโลก ที่มีสถิติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ติดลบ หรือเรียกว่าปราศจากคาร์บอนไดอ็อกไซด์ก็ว่าได้ จึงจัดเป็นประเทศที่ยึดมั่นใจคำสัญญา ที่ให้ไว้กับนานาประเทศ เรื่องลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในงานประชุม COP ตั่งแต่ปี 2009 ซึ่งหลาย ๆ ประเทศเองก็ยังไม่สามารถลดปริมาณก๊าซดังกล่าวได้ และสาเหตุที่ทำให้ภูฏานประสบความสำเร็จนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากภูมิศาสตร์ของประเทศที่ประกอบไปด้วยภูเขากับป่าไม้ โดยกฎหมายกำหนดนโยบายในรัฐธรรมนูญไว้ว่า ประเทศต้องมีพื้นที่ป่าไม่น้อยไปกว่า 60% ประกอบกับมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปี เพียง 1.5 ล้านตัน แต่ด้วยพื้นที่ป่าไม้ภายในประเทศสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากถึง 6 ล้านตันต่อปี นั่นจึงทำให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในภูฏานติดลบได้นั่นเอง

ที่สำคัญภูฏานยังมีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ พร้อมกับมีการส่งออกพลังงานไฟฟ้าให้กับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน จึงช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถลดการก่อคาร์บอนลงไปได้ถึง 6 ล้านตันต่อปีและยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะภูฏานยังได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไฟฟ้า ภายในปี 2020 ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เพื่อช่วยลดการก่อคาร์บอน 17 ล้านตันต่อปี ทั้งยังเตรียมลงทุนไปกับพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในวันข้างหน้าเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ จึงคาดว่าภูฏานอาจกลายมาเป็นปอดแห่งใหม่ของโลกในที่สุด

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในภูฏาน

1. วัดทักซัง (Taktsang Monastery) หรือเรียกว่าวัดถ้ำเสือ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอันเนื่องมากความเป็นเอกลักษณ์ สิ่งสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักประเทศภูฏาน เนื่องจากเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมขอบหน้าผาสูงเหนือน้ำทะเลมากถึง 3,120 เมตร โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยือนวัดทักซัง ต้องเดินเท้าขึ้นไป และตลอดเส้นทางก็สามารถรับชมวิวทิวทัศน์ที่แสนวิเศษได้ ทั้งภูเขาสูงเรียงรายสลับชั้น ป่าเขา ไปจนถึงหมู่บ้านที่มีมนตร์เสน่ห์

2. โดชูลาพาส (Dochula Pass) สถานที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากสถูปเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบเจดีย์ขนาดใหญ่ รวมแล้ว 108 สถูปด้วยกัน และไม่เพียงแต่สถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามแปลกตาเท่านั้น บริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามอีกหนึ่งแห่งของภูฏาน

3. พูนาคาซอง (Punakha Dzong) ขึ้นชื่อว่าเป็นป้อมปราการที่มีความงดงามที่สุดของภูฏาน ด้วยสถาปัตยกรรมแบบทิเบต ซึ่งถูกสร้างขึ้นในพื้นที่แม่น้ำโพและแม่น้ำโมมาบรรจบกัน ทำให้มีทัศนียภาพที่งดงาม นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 1637 ป้อมปราการแห่งนี้ ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ทำการของรัฐบาลมาก่อนด้วยเช่นกัน

4. ตรงซาซอง (Trongsa Dzong) จัดเป็นป้อมปราการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูฏาน ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชัน ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1648 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั่งเดิม นอกจากนี้ ยังมีเป็นจุดชมวิวที่มีความงดงามอีกด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อมองลงมาจากข้างบน จะเห็นภาพของหุบเขาและแม่น้ำได้กว้างใกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

5. สะพานแขวนพูนาคา (Punakha Suspension Bridge) เป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินที่ยาวมาก โดยพาดผ่านแม่น้ำ Pho Chu และเมืองพูนาคา นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถเดินชม เพื่อเก็บภาพวิวสวย ๆ ของแม่น้ำและภูเขาโดยรอบได้

6. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน (National Museum of Bhutan) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นสถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์เอาไว้ โดยเฉพาะวัตถุโบราณของภูฏาน นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของประเทศตั่งแต่อดีต จวบจนปัจจุบันให้ได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจความเป็นมาของประเทศภูฏานได้ดีขึ้น

เมนูอาหารภูฏาน และต้องลองเมื่อได้เที่ยวทัวร์ภูฏาน

1. พริกผัดชีส (Ema datshi) จัดเป็นอาหารประจำชาติที่สามารถหากินได้ทุกมื้อ ซึ่งทำมาจากพริกเขียวและพริกแดงตากแห้ง พร้อมด้วยชีสท้องถิ่น Datshi กับเนยอีกเล็กน้อย ถึงแม้เมนูนี้ ถึงแม้จะมีส่วนผสมเหมือน ๆ กัน แต่เมนูพริกผัดชีส มักจะมีรสชาติที่เปลี่ยนไปตามอารมร์ของผู้ทำเป็นหลัก
2. ต้มมันฝรั่งและชีส (Kewa datshi) เมนูนี้มีส่วนผสมหลักคือมันฝรั่งและชีสภูฏาน มีความคล้ายคลึงกับมันฝรั่งอบชีส (scalloped potatoes) แต่เมนูนี้จะหั่นมันฝรั่งเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไปผัดกับชีสและเนยในปริมาณมาก ซึ่งในบางครั้งอาจใส่พริก หรือมะเขือเทศลงไปด้วยเล็กน้อย
3. ซุปเห็ดชีส (Shamu datshi) คำว่า Shamu ในภาษาภูฏานนั้นหมายถึง เห็ด ซึ่งเมนูนี้ สามารถใช้เห็ดภูฏานชนิดใดก็ได้มาทำ โดยนำมาปรุงผสมกับชีสและเนย เช่นเดียวกับเมนู Datshi หรือเมนูอื่น ๆ
4. พริกขาวแห้งผัดชีส (Shakam shukam datshi) มีความใกล้เคียงกับเมนูพรักผัดชีสข้างต้น แต่เปลี่ยนจากพริกแห้งแดงมาเป็นพริกแห้งขาว หรือ Shukam แทน ซึ่งความพิเศษของพริกแห้งข้าวนั้น คือรสเปรี้ยวและเผ็ดที่ผสมผสานกัน ทำให้เมนูนี้มีความต่างออกไปจากพริกผัดชีส
5. แพนเค้กภูฏาน (Khur-le) เป็นแพนเค้กที่ทำมาจากแป้งธัญพืช เมล็ดธัญพืช และแป้งบาร์เลย์ มีลักษณะเป็นรูพรุนทั่วทั้งอัน มีความแตกต่างจากแพนเค้กทั่วไปที่ทำมาจากแป้งสาสี ซึ่งแพนเค้กภูฏานนั้น นิยมทานไปพร้อมกับอาหารจานหลักต่าง ๆ หรือจะทานเป็นของว่างก็ได้เช่นกัน

เรื่องราวน่ารู้ก่อนเตรียมตัวไปเที่ยวทัวร์ภูฏาน

1. ชาวภูฏานให้ความสำคัญกับความสุขทางใจ มากกว่าความสุขที่ได้จากวัตถุ
2. ชาวภูฏานไม่ค่อยสนใจโทรทัศน์ วิทยุ หรืออินเทอร์เน็ต
3. พื้นที่กว่า 50% ในประเทศได้รับการคุ้มครองให้เป็นส่วนหนึ่งของชาติ
4. คนภูฏานดื่มเหล้าเก่ง เนื่องจากภูมิประเทศตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาหิมาลัย จึงทำให้มีสภาพอากาศที่เหน็บหนาว และการดื่มเหล้าก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาความหนาว ซึ่งเป็นที่มาของความเชี่ยวชาญในการผลิตเหล้ารสชาติเยี่ยม เช่น วิสกี้ ไวน์ลูกพีช หรือเบียร์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลภูฏานก็เริ่มมรณรงค์ให้ประชากรดื่มเหล้าน้อยลงแล้ว ด้วยการออกกฎงดการดื่มเหล้าในวันอังคาร
5. สนามบินนานาชาติของภูฏาน เมืองพาโร มีเพียง 2 สายการบินที่บินเข้ามาเท่านั้น คือ Drukair และ Bhutan Airlines เนื่องจากนักบินต้องใช้ทักษะความชำนาญ เพราะต้องบินผ่านเทือกเขาสูงจำนวนมาก ที่สำคัญสนามบินแห่งนี้ยังไม่มีเรด้าอีกด้วย จึงทำให้เครื่องบินสามารถเข้า-ออกได้ในช่วงที่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เท่านั้น
6. ภูฏานไม่มีโรงภาพยนต์ เนื่องจากพวกเขามีความตั้งใจอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมและความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด จึงทำให้ไม่มีโรงหนังในภูฏาน ดังนั้นเวลาคนภูฏานอยากดูหนังเมื่อไหร่ ก็มักจะดูผ่านอินเตอร์เน็ต หรือไม่ก็ต้องบินไปเที่ยว และดูหนังที่เมืองไทย

ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ที่ภูฏานมี 4 ฤดูกาลดังนี้

1. ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม)
2. ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม)
3. ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน)
4. ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์)
ทั้งนี้ ภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ทำให้ภูมิอากาศไม่มีความแตกต่างกันมาก โดยทางตอนใต้มักจะมีภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนตกชุก ส่วนทานตอนเหนือที่มีภูเขาสูงจะมีอากาศหนาวเย็นแบบเทือกเขา ซึ่งสภาพอากาศและอุณหภูมิเฉลี่ยขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือความสูงเหนือระดับน้ำทะเล และอิทธิพลลมมรสุมจากตอนเหนือของอินเดีย

เมื่อมาเที่ยวทัวร์ภูฏาน ของฝากที่ควรซื้อจากภูฏาน

1. น้ำผึ้งป่าภูฏาน ประโยชน์ของน้ำผึ้งภูฏาน ที่มีความโดดเด่นที่สุดคือ มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในปริมาณสูง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้ ทั้งภายนอกและภายใน นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยป้องกันและลดการเกิดโรคภูมิแพ้ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย
2. ข้าวภูฏาน เป็นข้าวที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี จึงเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร เมื่อนำไปหุงแล้วเม็ดข้าวจะเรียงตัวกันสวยงาม
3. แยมผลไม้ ภูฏานเป็นประเทศที่มีผลผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเยอะมาก จึงนิยมใช้ผลไม้มาทำเป็นแยม โดยจุดเด่นคือเป็นแยมแบบออร์แกนิค 100% จึงเหมาะกับคนที่รักสุขภาพอย่างยิ่ง และยังมีให้เลือกหลากหลายชนิดด้วยกัน เช่น แยมส้ม แยมมะม่วง แยมแอปเปิล
4. ผ้าทอพื้นเมือง ชุดโก คือชุดประจำชาติภูฏานของผู้ชาย มีลักษณะเป็นชุดคลุม ที่มีความยาวเท่ากับหัวเข่าและมีผ้าคาดเอว ส่วนชุดคีร่า (Kira) เป็นชุดประจำชาติสำหรับผู้หญิง ที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย มีลักษณะเป็นผ้าความยาวถึงข้อเท้า
5. ขันทิเบต ชาวภูฏานนั้นมีความเชื่อว่า เสียงที่เกิดจากการเสียดสีกันของไม้ เมื่อนำไม้มาเคาะกับภาชนะ คือเครื่องมือที่ช่วยทำให้จิตใจเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดและช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เร็วขึ้นเช่นกัน
6. ศิวลึงค์ภูฏาน ชาวภูฏานเชื่อว่า “ศิวลึงค์” คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจ และหากใครต้องการขอลูก ก็สามารถบูชา ศิวลึงค์ได้ที่วัดต่าง ๆ นอกจากนี้ ก็ยังมีศิวลึงค์ให้เลือกหลายขนาด เช่น พวงกุญแจ หรือเป็นแบบสำหรับตั้งโชว์ขนาดใหญ่